มีโอกาสดีมากได้รับเชิญจากการบินไทยไปร่วมทริป First Flight to Tehran เที่ยวบินแรกจากกรุงเทพฯไปเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ประเทศนี้อยากไปมานานแล้ว มีมนต์เสน่ห์สุดๆ
อิหร่านเป็นเมืองแห่งอารยะธรรมโบราณที่มีเรื่องราวเล่าขานกันกว่า 2,500 ปี รู้จักกันในชื่อ "อาณาจักรเปอร์เซีย" มีกษัตริย์ปกครองมายาวนานติดต่อกันหลายราชวงศ์
คำว่า เตหะราน ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า อ้อมเขาอันอบอุ่น ที่นี่มีภูเขาสูงใหญ่มากจริงๆ เตหะราน เป็นเมืองหลวงของประเทศอิหร่าน และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบประเทศตะวันออกกลาง ประชากรในเมืองประมาณ 14 ล้านคนเศษ
เตหะราน นอกจากจะเป็นเมืองหลวงแล้ว ยังเป็นเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ เช่น อุตสาหกรรมน้ำมัน อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ฯลฯ เตหะรานยังเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ การบินพาณิชย์ ในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกด้วย
เราออกเดินทางจากกรุงเทพ พร้อมความประทับใจจากการบินไทย ของที่ระลึกเป็นกระเป๋าผ้าแบบอาหรับสวยงาม และมาการอง โดยมีคุณปริยา จุลกะรัตน์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการพาณิชย์ดิจิทัลและการตลาดรายได้เสริมองค์กร และคุณปรียนันท์ มงคลศรี ผู้จัดการกองโฆษณาและส่งเสริมการตลาดดิจิทัล บริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) มาร่วมส่งเราในทริปนี้
ซึ่งเรา(Travelista นักเดินทาง) ได้เดินทางพร้อมกับบล็อกเกอร์อีก 4 คนในทริปนี้ เที่ยวเอง ,ชายสามหยด ,เอ็มพาบิน และชาลี เนชั่น
เดินทางราว 7 ชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายอย่างสบายมาก มีอาหารเพียบพร้อมบนเครื่องและอร่อยมาก
เมื่อมาถึงเตหะราน สามารถขอVisa On Arrival เราจึงเดินทางต่อออกไปเที่ยวที่เมืองอื่นก่อนที่จะกลับมาเตหะราน นั่นคือเมือง อิสฟาฮาน (Isfahan) เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีความสำคัญของประเทศอิหร่าน เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวและสถาปัตยกรรมที่สวยงามชื่อดังก้องโลกมากมายตั้งอยู่ที่นี่
อิสฟาฮาน ถือว่าเป็นเพชรเลอค่าของศิลปะอิสลาม สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมหลากหลายของเปอร์เซีย ที่ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก กระเบื้องสีน้ำเงินเทอร์คอยส์ที่สวยงามจากมรดกของราชวงศ์เซลจุค และซาฟาวิด มาจนถึงสะพานสง่างามข้ามแม่น้ำซายันเดห์ ไปยัง จัตุรัสอิมาม อันตระการตา
หนึ่งในนั้นก็คือบริเวณจัตุรัสอิหม่าม (Imam Square) ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองอิสฟาฮาน กว้างประมาณ 158 เมตร และยาว 507 เมตร รายล้อมด้วยอาคารตามแบบสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ซาฟาวิยะห์ (Safavid) และสวนสวยสุดร่มรื่น
เราได้ชมมัสยิดที่นับว่ายิ่งใหญ่อลังการที่สุดในแผ่นดินเปอร์เซีย มัสยิดอิหม่าม (Imam Mosque) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองอิสฟาฮาน อิหร่าน ถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงทางด้านสถาปัตยกรรมแห่งยุคซาฟาวิด สร้างโดยกษัตริย์ชาห์ อับบาสที่ 1 เมื่อ ค.ศ.1612 สมบูรณ์แบบและสวยงามมากในด้านรูปทรงและองค์ประกอบของตัวอาคาร ใช้เวลาก่อสร้างราว 26 ปี เป็นหนึ่งในสุดยอดศิลปะแบบเปอร์เซีย และเป็นหนึ่งในศิลปกรรมชั้นเยี่ยมของโลก
ไฮไลท์ของที่นี่อีกอย่างคือมัสยิด ชีค ล๊อฟฟลูเลาะห์ (Sheikh Lotfallah) ซึ่งเป็นมัสยิดที่มีการออกแบบทั้งภายในและภายนอกอย่างสวยงามวิจิตรตระการตา ประดับประดาไปด้วยกระเบื้องเคลือบสีสันสวยงามตามแบบศิลปะเปอร์เซีย นอกจากนี้กลุ่มอาคารต่าง ๆ ยังมีการตกแต่งที่สวยหรูไม่แพ้กันอีกด้วย ที่นี่ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979เป็นมัสยิดประจำองศ์พระมหากษัตริย์และคนในราชสำนักเท่านั้น ตัวโดมถือได้ว่างดงามที่สุดในประเทศอิหร่าน แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่มีสัดส่วนที่งดงามมาก
ในย่านนี้มีตลาดอยู่รายรอบ ถึงเวลาช้อปแล้วค่ะ ตลาดบาซาร์ (TAJRISH BAZAR) สินค้าในตลาดแห่งนี้มีหลากหลายแทบจะทุกชนิด ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า ของแต่งบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องประดับ เครื่องทองเหลือง เครื่องแก้ว กางเกงยีนส์ พรมขนาดต่างๆตลอดไปจนถึงใบชา เครื่องเทศ และถั่วหลากหลายชนิด
นอกจากนี้ยังได้ไปชมมัสยิดจาเม (jame’s Mosque) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยกษัตริย์ของ ราชศ์ อัล อี บูเยห์ และได้ถูกขยายได้ใหญ่ขึ้นในปี ค.ศ.1324-1365 และยังเสามินาเรท์คู่ของสุเหร่าที่สูงที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งสร้างที่โดดเด่นในอิหร่านภายในยังถูกตกแต่งให้สวยงามในสถาปัตยกรรมของเปอร์เซียและสถานที่แห่งนี้ยังคงถูกใช้ประกอบพิธีมาจนทุกวันนี้
เราได้ไปยังสะพานคาจู (Khaju Bridge) สะพานเก่าแก่ที่สวยงามที่สุดในเมืองอิสฟาฮาน สร้างโดยกษัตริย์ ชาห์อับบาส ที่ 2 ปี ค.ศ. 1650 มีความยาวถึง 100 เมตร จุดประสงค์ ของการสร้างสะพานนั้นเพื่อเชื่อมเมืองทางทิศเหนือและทิศใต้เข้าด้วยกัน โดยทอดข้ามแม่น้ำซอยันเดห์โรที่ไหลผ่านกรุง อิสฟาฮาน แต่ตอนที่ไปน้ำแห้งมาก อิหร่านก็เผชิญปัญหาภัยแล้งคล้ายบ้านเราช่วงหนึ่ง
พวกเรายังได้ไปเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานข้างๆโรงแรมที่พัก ซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน
และไปเที่ยวพระราชวัง Chehelsotoon ที่มีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ตื่นตะลึงกันเลยทีเดียว
จากนั้นเรากลับมายังเมืองเตหะราน เพื่อท่องเที่ยวต่อในหลายที่
เริ่มที่อาซาดี ทาวเวอร์ หอคอยสูงตระหง่านใจกลางเมือง เป็นแลนด์มาร์คของอิหร่านเลยก็ว่าได้ เป็นทาวเวอร์แสดงถึงความมีเสรีภาพของอิหร่าน
ต่อที่ Sa’ad Abad Palace เป็นพระราชวังฤดูร้อนเก่าแก่ของพระราชวงศ์กาจาร์ (Qajar Dynasty) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเทือกเขา Sa’ad Abad Palace ทางด้านเหนือของเมืองเตหะราน ทั้งภายในและภายนอก ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามตามแบบฉบับศิลปะเปอร์เซีย ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ภายนอกแวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพรรณ และหลังจากที่มีการปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน พระราชวังแห่งนี้ก็ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ภายในมี “Green Palace” หรือ “Shahvand Palace” พระราชวังที่สร้างด้วย “หินอ่อนสีเขียว” จนได้รับการเรียกขานกันติดปากว่า “Green Palace” งดงามท่ามกลางหมู่แมกไม้ และแสงแดดที่ส่องกระทบ ด้านในของ “Green Palace” อนุญาตให้เข้าชมห้องต่างๆ ได้ แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ ชม“พรมเปอร์เซีย” ผืนงาม
“White Palace” สถานที่ซึ่งทำให้เราเห็นถึงความมั่งคั่งในสมัยราชวงศ์ “Pahlavi” ซึ่งใช้เป็น “ท้องพระโรง” ในการต้อนรับผู้มาเยือน ห้องต่างๆ ภายใน “White Palace” เต็มไปด้วยผลงานช่างฝีมืออันเลื่องชื่อของ “อิหร่าน” ได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรอลังการ และอนุญาตให้ถ่ายภาพได้ ทำให้นักท่องเที่ยวใช้เวลากับที่นี่มากเป็นพิเศษ
ด้านหน้าของ “White Palace” มีรูปปั้นที่บอกเล่าเรื่องราวของ “ชาห์นามา” (Shahnama) หรือเรื่องราวของ “ตำนานกษัตริย์” อันเป็นเทพนิยายเก่าแก่ของ “อาณาจักรเปอร์เซีย”
จากนั้นไปต่อที่พระราชวังโกเลสตาน พระราชวังของอาณาจักรเปอร์เซียตอนปลาย ที่มีความเจริญรุ่งเรือง เฟื่อฟูด้วยงานศิลปะวิทยาการต่างๆ ในสมัยราชวงศ์กอญัร
นับเป็นพระราชวังมีความกว้างขวางใหญ่โต พร้อมด้วยสวนดอกไม้ที่งดงาม อ่างน้ำสีน้ำเงินที่ทำด้วยหินอ่อนในสนามรอบ นอกจากนี้ซึ่งในอดีตเคยเป็น พระราชวังเก่าของอิหร่าน ประกอบด้วยตำหนักต่างๆ 7 อาคารอยู่ในบริเวณเดียวกันซึ่งเป็นสวนดอกไม้
วังสวนกุหลาบแห่งนี้มีอาคารรูปลักษณ์โบราณและคลาสสิคแบบยุโรป วังแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่มากย้อนไปตั้งแต่สมัยราชวงศ์ ซาฟาวิด เมื่อคริสต์วรรษที่ 16 สิ่งที่เหลืออยู่คือป้อมสูง (Citadel) สำหรับส่องดูข้าศึก และสถานอาบน้ำแบบเติร์ก
ส่วนอาคารแบบตะวันตกนั้นมีเพิ่มเข้ามา เมื่อกษัตริย์ราชวงศ์รองสุดท้ายคือราชวงศ์คาจาร์ กษัตริย์นัสเซอร์ อัล-ดิน ชาห์ ได้เสด็จยุโรปแล้วนำความเจริญทางด้านรูปธรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวอิหร่าน เช่น ตำหนักแบบนีโอคลาสสิคของยุโรป ส่วนตำหนักอื่นที่เป็นแบบโบราณนั้น
จุดเด่นของสถาปัตยกรรมคือผนังภายในและภายนอกกรุด้วยแผ่นกระเบื้อง (เซรามิก) เป็นสีและลวดลายต่างๆ เน้นสีสันจัดจ้านงดงามแบบตะวันออก องค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2013 นี้เอง ทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวและถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันเป็นจำนวนมาก
ข้างๆวังมีตลาดกลางเมืองเตหะราน ตั้งแต่เคยเดินตลาดไหนในโลกนี้มา ก็ยังไม่เจอคนเยอะขนาดนี้ คนมากมายที่สุดเลย แต่มีสินค้าหลากหลายตื่นตาตื่นใจมาก โดยเฉพาะถั่ว มีเป็นร้อยๆอย่าง
เที่ยวอิหร่านวันสุดท้าย ตื่นตาตื่นใจมากค่ะ เพชร ทอง เครื่องประดับมากมายมหาศาล ตั้งแต่ได้เคยชมพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งในโลก นี่คือที่พิพิธภัณฑ์อัญมณี(Jewelry Museum) ซึ่งตั้งอยู่ในห้องนิรภัยของธนาคารกลางแห่งชาติของอิหร่าน กลางกรุงเตหะราน ที่นี้ได้เก็บรวบรวมอัญมณีจากทุกยุคทุกสมัยของกษัตริย์ทุกราชวงศ์ ที่เคยปกครองอาณาจักรเปอร์เชีย (ยกเว้นราชวงศ์แรก) จนกระทั่งกลายมาเป็นประเทศอิหร่านในปัจจุบัน มีจำนวนมากมายสุดอลังการที่สุดในโลก
คนส่วนใหญ่มักใฝ่ฝันที่จะได้มาชมเพชรสีชมพูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักถึง 182 กะรัต และบัลลังก์นกยูงอันลือชื่อในพิพิธภัณฑ์อัญมณีแห่งนี้ยังมีสมบัติมีค่าอีกมากมายที่ได้จัดแสดงไว้ให้ผู้มาเยือนได้ชม และนี่คือทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันประเทศอิหร่าน เขาห้ามถ่ายรูปและพกสิ่งใดเข้าไปเด็ดขาด นี่ขอรูปมาค่ะ
ขากลับมายังสนามบินเตหะราน ยังได้ผ่านสุสานของผู้นำคนดัง อยาตุลลา โคไมนี่ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่กำลังตกดิน
ได้ชิมอาหารอิหร่านอร่อยในหลายๆมื้อ ภัตตาคารแต่ละที่เขาก็ตกแต่งกันอย่างหรูหราอลังการมาก ส่วนประกอบหลักของอาหารอิหร่าน ได้แก่ ข้าว, เนื้อไก่หรือปลา,แกะ มีผักอย่างหัวหอม,ถั่ว และสมุนไพร
ขอบคุณการบินไทยสนับสนุนการเดินทางของ Travelista นักเดินทาง สามารถติดตามการอัพโหลดทั้งหมดได้ที่แฮชแท็ก #Thaiairways #Tehranfirstflight #Tgtehran
ประทับใจไม่รู้ลืมในอิหร่าน