" เห็นนครวัดก็ตายตาหลับแล้ว " อาโนลด์ ทอยน์บี นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษเคยกล่าวไว้
เรารู้สึกเช่นนั้นจริงๆเมื่อได้ไปเยือน “ปราสาทนครวัด” ปราสาทที่ยิ่งใหญ่งดงามอลังการตระการตามีความลงตัวสมบูรณ์แบบมากที่สุดในบรรดาปราสาทขอมโบราณ และปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ไว้ได้ดีที่สุด จนได้รับการยกย่องให้เป็น “สิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในเจ็ดของโลก”
ปราสาทถูกสร้างขึ้น ในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 โดยสร้างขึ้นราวๆปี พ.ศ.1656-1693 ว่ากันว่าการก่อสร้างปราสาทนครวัด ก็เปรียบเสมือนการย่อส่วนของจักรวาลตามคติความเชื่อของอินเดีย โบราณที่ขอมรับมาอีกทอดหนึ่ง โดยตัวปราสาทหันหน้าไปทางทิศตะวันตกมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพื้นที่กว้าง ยาวประมาณ 1,500 และ 1,300 เมตร มีคูน้ำล้อมรอบ
เชื่อกันว่าการก่อสร้างใช้ช่างวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง 500 คน ส่วนแรงงานใช้ถึง 1,00,000 คน พร้อมทั้งให้ช้างลากหิน 5,000 เชือก และใช้แพบรรทุกหินจากพนมกุเลน ที่อยู่ห่างจากเสียมเรียบ 65 กม.โดยล่องมาทางลำน้ำเสียมเรียบ ถึง 7,000 แพ เมื่อไปถึงนครวัดต้องเดินข้ามสู่สะพานหินนาคราชที่มีความยาว 200 เมตร อันเปรียบเสมือนสะพานรุ้งที่ต่อเชื่อม ระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์
นักท่องเที่ยวที่เข้าไปจะได้ตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของ ภาพจำหลักนูนต่ำ เรื่องมหาภารตยุทธ์ เรื่องรามเกียรติ์ ภาพพระนารายณ์อวตาล ในปางต่างๆ การตรวจพลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ภาพทหารขำขันของ “กองทัพแห่งกรุงสยาม”ซึ่งเรียกว่า “เสียมกุก” และภาพการกวนทะเลน้ำนม หรือ กวนเกษียนสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอมฤตซึ่งมีขนาดใหญ่และมีความยาว 49 เมตร และภาพจำหลักนูนต่ำที่สะดุดตาที่สุดอีกกลุ่มก็คือ ภาพนางอัปสราที่มีลักษณะแปลกๆ อาทิอัปสรายิ้มเห็นฟันอัปสราทรงผมเซล่ามูนและ อัปสราใส่กางเกง ขาสั้น ฯลฯ
จากนครวัดเราต้องไม่พลาดไปชมกลุ่มปราสาทโบราณต่างๆที่อ.บันเตรียเสรีย เริ่มที่“ปราสาทบันทายสรี”อันหมายถึงป้อมแห่งอิสตรี ซึ่งเป็นปราสาทหินขนาดเล็กสร้างด้วยหินทรายสีชมพูเนื้อละเอียดและปราสาทแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือในความสวยงามของการแกะสลักลวดลายอันอ่อนช้อยลงบนหินทรายสีชมพูเป็น รายละเอียดวิจิตรบรรจง และได้รับการยกย่องให้เป็น “เพชรน้ำเอก”หรือ รัตนชาติแห่งศิลปะเขมร”
จากนั้นผ่านซุ้มประตูหินที่สลักเป็นรูปใบหน้าคนขนาดใหญ่ทั้งสี่ทิศสู่“ปราสาทตาพรหม” เชื่อกันว่าเป็น ราชวิหาร หรือวัดที่สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศให้พระราชชนนี บริเวณร่มรื่นด้วยต้นไม้ดึกดำบรรพ์อายุนับร้อยปีนานาชนิด ตื่นตาตื่นใจกับภาพของปราสาทหินที่มีต้นไม้ใหญ่เรียกว่า“ต้นสะปง”มีรากไม้ขนาดใหญ่อันมหึมาปกคลุมและชอนไชตามช่องว่างของก้อนหินขนาดใหญ่แต่ละก้อนน่าเกรงขาม เคยป็นที่ถ่ายทำภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ Thumb Raider มาแล้ว
ต่อมาเข้าสู่“ เมืองนครธม”แปลว่า เมืองใหญ่ หรืออาณาจักรพระนคร สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่7ในระหว่างพ.ศ.1724-1761เมืองนครธมแห่งนี้ล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงทั้ง 4 ด้านๆละ 3 กม. มีทางเข้า 5 ประตู นำท่านเข้าสู่นครธมทางประตูด้านทิศใต้ โดยข้ามสะพานหิน หรือสะพานชักนาคดึกดำบรรพ์ ซึ่งบนราวสะพานทั้งฝั่งซ้ายและขวาประกอบไปด้วยเหล่าเทพเทวดา 54 องค์ และอสูร 54 ตน กำลังยุคนาคตอนกวนเกษียรสมุทรเพื่อต้องการน้ำอมฤตจากนั้นชมกลุ่มปราสาทในเขตเมือง นครธม อาทิ ปราสาทบาปวน,พิมานอากาศ,พระเจ้าขี้เรื้อน,ลานพระยม,บัลลังก์ช้าง
นักท่องเที่ยวจะตื่นตาตื่นใจกับความแปลกมหัศจรรย์แห่งนครธม “ปราสาทบายน” ซึ่งเป็นศาสนาสถานที่สร้างขึ้นในคติพุทธมหายานในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวๆปีพ.ศ.1650-1750 และลักษณะเด่นของปราสาทบายนคือบนยอดปราสาทแต่ละยอดได้สลักเป็นรูปใบหน้าคนขนาดใหญ่ทั้ง 4 ทิศ จำนวน54 ยอด จำนวน216 หน้า แต่ละใบหน้ามีรอยยิ้มที่มุมปากที่ดูมีเมตตาและอ่อนโยนหรือที่เรียกว่า “รอยยิ้มแห่งบายน”
มีสถานที่อื่นที่อยากแนะนำนอกเหนือจากความโบราณของเหล่าปราสาทแล้ว นั่นคือ Wat Thamai ซึ่งเป็นวัดที่ได้รวบรวมอัฐิของผู้ที่ เสียชีวิตในสมัยเขมรแดง หรือKILLING FILED OF SIEM REAP แล้วไปสู่โตนเลสาบ ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด!ในเอเชียอาคเนย์ และล่องเรือชมธรรมชาติ และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมงพื้นบ้านเขมรเชื้อสายเวียดนามที่อาศัยอยู่กันแบบชาวเรือนแพริมฝั่งโตนเลสาบ
ก่อนไปยังพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติเสียมเรียบ ชมพระพุทธรูปโบราณสุดยิ่งใหญ่ หายาก และคนไทยอย่างเราๆต้องแวะช้อปปิ้งก่อนกลับที่ตลาดเก่าซาจ๊ะ ซื้อสินค้าพื้นเมืองเพื่อเป็นของฝากเช่นปลากรอบ,ปลาช่อนแห้ง,เสื้อยืด,ผ้าพันคอ,หิน-ไม้ แกะสลัก และสินค้าพื้นเมืองอื่นๆ