Travelista นักเดินทาง

"365 วันของฉันคือการเดินทาง"
นักข่าว-บล็อกเกอร์-นักเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค-โค๊ชออนไลน์

30 ที่เที่ยวมอสโคว์-เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (ตอน2)

tags: ท่องเที่ยวต่างประเทศ, เขียนเมื่อ : 06 พฤษภาคม 2561 18:46:51 จำนวนผู้ชม : 1801
30 ที่เที่ยวมอสโคว์-เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (ตอน2)

ต่อจากตอนแรกที่ได้กล่าวถึง 15 ที่เที่ยวของมอสโคว์ไปแล้ว ก็มาถึงอีกเมืองท่องเที่ยวสำคัญ

 

 

(ขอบคุณภาพแผนที่จากเที่ยวรัสเซียดอทคอม)

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  เมืองท่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสหพันธรัฐรัสเซีย ตั้งอยู่ปากแม่น้ำเนวา ริมอ่าวฟินแลนด์ในทะเลบอลติก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กสร้างโดยพระเจ้าซาร์ปีเตอร์มหาราช เมื่อ พ.ศ. 2246 โดยตัวเมืองเริ่มสร้างด้วยการถมทรายและหินเป็นจำนวนมากเพราะว่าพื้นที่เดิมของเมืองนั้นเป็นดินเลนของทะเล พระองค์ทรงเลือกที่จะสร้างเมืองที่บริเวณนี้เพราะว่าตัวเมืองมีทางออกทะเลบอลติกและสามารถติดต่อไปทางยุโรปและประเทศอื่นๆได้ง่าย เพื่อการปฏิรูปรัสเซียให้ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้โดยง่าย ต่อมาเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กจึงได้รับสมญานามว่าหน้าต่างแห่งยุโรป และได้เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซียเป็นเวลา 206 ปี (หลังจากนั้นได้ย้ายเมืองหลวงไปที่มอสโคว์ และเป็นเมืองมรดกโลกขององค์กรยูเนสโก

 

 

ลองมาชม 15 ที่เที่ยวของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ไม่ควรพลาด

 

 

16 St. Isaac's Cathedral วิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่นท่ามกลางภูมิทัศน์ของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และทิวทัศน์ที่มองจากวิหารแห่งนี้ก็น่าตื่นตะลึงเฉกเช่นเดียวกับการตกแต่งภายในที่มีความเก่าแก่

St. Isaac’s Cathedral มีหลังคาโดมสีทองตระหง่าน เป็นสถานที่สำคัญที่ต้องมาชม และเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วิหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นศาสนสถานแห่งสำคัญมานานนับหลายร้อยปี เป็นสถานที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กมากที่สุดในปัจจุบัน มีการตกแต่งอันสวยงามอลังการ

 

 

แม้ว่าวิหารแห่งนี้จะเป็นที่รู้จักทั่วโลกในด้านโครงสร้างโออ่าสง่างามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้ว วิหารแห่งนี้ได้ผ่านการก่อสร้างใหม่มานับครั้งไม่ถ้วนในช่วงประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปีของวิหาร โครงสร้างหลังแรกที่สร้างขึ้นจากไม้นั้นพังทลายลงเนื่องจากน้ำท่วม และโครงสร้างหลังถัดมาก็โดนไฟไหม้

หลังคาโดมโดดเด่นของวิหาร เคลือบทองคำล้ำค่าหนักกว่า 100 กิโลกรัม โครงสร้างภายนอกส่วนอื่นๆ ของวิหารแห่งนี้ก็น่าประทับใจเช่นเดียวกัน ยืนตรงทางเข้าที่มีหลังคาโค้งข้างเสาแกรนิตสีแดงใหญ่โตโอ่อ่า ซึ่งเสาแต่ละต้นมีน้ำหนักมากถึง 80 ตัน อาคารวิหารยังตกแต่งด้วยหินอ่อนงดงามสง่า และผนังแกรนิตก็ประดับด้วยหินแวววาว

 

 

ทางเข้าที่มีหลังคาโค้งประดับประดาด้วยหน้ามุขรูปหล่อทองแดงประณีตงดงาม ซึ่งสลักปั้นโดย Ivan Vitali และ Francois Lemaire มองหาภาพสะท้อนเรื่องราวการฟื้นคืนชีพของพระเยซูบนหน้ามุขด้านทิศเหนือ และภาพของนักบุญไอแซคกำลังประทานพรแก่จักรพรรดิธีโอโดเซียสที่หน้ามุขด้านทิศตะวันตก

เข้าไปด้านในวิหาร ซึ่งตกแต่งด้วยงานวิจิตรศิลป์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน สำรวจภาพวาดพระนางมารีย์พรหมจารีพร้อมเหล่าบริวารสิ่งมีชีวิตบนสรวงสวรรค์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ถึง 800 ตารางเมตร จากฝีมือของ Karl Briullov วิหารยังมีผลงานที่สะท้อนภาพการพิพากษาครั้งสุดท้าย ซึ่งสื่อความหมายถึงพระเยซูคริสต์ที่กำลังมองลงมายังศาสนิกชนที่มายังโบสถ์ด้วย

ขึ้นบันได 300 ขั้นเพื่อขึ้นไปยังระเบียงของวิหาร และชื่นชมทิวทัศน์งดงามของส่วนอื่นๆ ของเมือง ทัศนียภาพนั้นตระการตามากจนหลายคนมายังวิหารแห่งนี้เพื่อชมทิวทัศน์นี้โดยเฉพาะ

17 พระราชวังฤดูหนาว HERMITAGE  ภายในพระราชวัง ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากกว่า 1,050 ห้อง สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นที่รับรองการเสด็จเยือนรัสเซียของรัชกาลที่ 5 ของไทยในการเจริญสัมพันธไมตรีไทยและรัสเซีย  พร้อมทั้งทรงร่วม ฉายพระฉายาลักษณ์ร่วมกับพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ของรัสเซียอีกด้วย

 

 

18 HERMITAGE MUSEUM พิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก สุดยิ่งใหญ่อลังการ แสดงถึงอำนาจและความรุ่งโรจน์ของจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งแต่เดิม พระราชินีแคทเธอรีนได้เก็บรวบรวมภาพเขียนชื่อดังไว้มากมายจากทั่วทุกมุมโลก จนต้องสร้างห้องสำหรับเก็บภาพและสมบัติล้ำค่าขึ้น ต่อมามีการจัดหมวดหมู่ของสะสมทั้งหมด และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้

 

 

ภายนอกของพระราชวังใช้โทนสีเขียวขาวด้วยสถาปัตยกรรมบาโรก ตัวอาคารมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า 3 ชั้น ที่ใหญ่โต เฮอร์มิเทจประกอบไปด้วยอาคาร 5 หลัง สร้างเชื่อมต่อกัน คือ พระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) อาคารเล็ก (Small Hermitage) อาคารเก่า (Old Hermitage) อาคารใหม่ (New Hermitage) อาคารโรงหนัง(Hermitage Theatre)

 

 

ภายในมีห้องต่างๆ มากกว่าพันห้อง  พบกับศิลปะภาพวาดและโบราณวัตถุล้ำค่ามากมายจากจิตกรเอกที่โด่งดังของโลก มากกว่า 3 ล้านชิ้น โดยเฉพาะจากลีโอนาโด ดาร์วินชี ศิลปินชื่อดังของโลก และยังมีมัมมี่อิยิปต์มากมาย ถ้าใช้เวลาดูวันละ 8 ชม. ดูเพียงอย่างละ 1 นาที ต้องใช้เวลาทั้งหมด 15 ปีถึงจะดูได้ครบ

 

 

19 ป้อมปีเตอร์แอนด์ปอล ป้อมปราการแห่งนี้เป็นจุดกำเนิดของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งยังเป็นสถานที่ที่บอกเล่าเรื่องราวอันน่าทึ่งและเผยเบื้องลึกทางประวัติศาสตร์อีกด้วย

เดิมทีป้อมแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันประเทศจากการรุกรานของทหารสวีเดน แต่พระเจ้าปีเตอร์มหาราชสามารถปราบปรามฝ่ายสวีเดนได้ ก่อนที่ป้อมนี้จะสร้างเสร็จ นับแต่นั้นมา ป้อมแห่งนี้ก็กลายเป็นที่มั่นของทหารและที่คุมขังนักโทษทางการเมือง

 

 

เดินลัดเลาะเข้าไปด้านในเพื่อชมมหาวิหารปีเตอร์แอนด์ปอลอันเลื่องชื่อ มหาวิหารสไตล์บาโรกอันโดดเด่นเป็นสง่าที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสวิส-อิตาลี ชื่อว่า Domenico Trezzini มียอดแหลมสูงเสียดฟ้า และยอดแหลมของมหาวิหารแห่งนี้นี่เองที่ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการ

 

 

เยี่ยมชมมหาวิหารเพื่อดูสถานที่พำนักสุดท้ายของสมาชิกแห่งราชวงศ์โรมานอฟ รวมทั้งซาร์หรือกษัตริย์ยุคสุดท้ายของรัสเซีย โลงเก็บพระศพเป็นโลงหินอ่อนสีขาวและมองหาได้ง่ายภายในมหาวิหารปีเตอร์แอนด์ปอล โลงเก็บพระศพของพระเจ้านิโคลัส ที่ 2 และครอบครัวซึ่งถูกปลงพระชนม์ในช่วงที่มีการปฏิวัติในปี 1918 จะอยู่ภายในห้องสวดมนต์เซนต์แคเธอรีน

ฟังเสียงยิงปืนตอนเที่ยงวันซึ่งจะยิงทุกวันจาก Naryshkin Bastion หรือทุกๆ วันเสาร์ เวลาที่ทหารเปลี่ยนเวร อย่าพลาดชมทหารเดินสวนสนามและขบวนเชิญธง และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของโรงกษาปณ์ซึ่งมีไม่กี่ที่ในรัสเซียอีกด้วย

 

 

20 มหาวิหารคาซาน สัมผัสความยิ่งใหญ่ตระการตาและเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของมหาวิหารแห่งนี้ ที่อุทิศให้แด่พระแม่มารีแห่งคาซาน ผู้ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ของรัสเซีย

 

 

มหาวิหารสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยเลียนแบบตามมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในกรุงโรม เมื่อเดินผ่านสวนบริเวณด้านหน้าเข้ามา จะได้ชมรูปลักษณ์ภายนอกที่มีความยิ่งใหญ่ ส่วนหน้าของวิหารนำเสนอแนวเสากึ่งวงกลมจำนวน 96 ต้น ที่ล้อมรอบสวนเขียวชอุ่มซึ่งมีน้ำพุอยู่ตรงกลาง มีฐานเสาหินสองฐานที่ว่างเปล่าซึ่งขนาบอยู่ด้านข้างของแนวเสาเหล่านี้ ฐานเสาเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อใช้จัดแสดงสองรูปปั้นเทวทูต แต่ในที่สุดแล้ว ก็ไม่เคยมีการสร้างประติมากรรมดังกล่าว

 

 

เมื่อเข้าสู่บริเวณภายใน จะเห็นประตูทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่แสดงภาพฉากเรื่องราวทางศาสนาในรูปแบบของประติมากรรมนูน การออกแบบที่สวยงามนี้เป็นการจำลองประตูสวรรค์แห่งกีแบร์ตีในหอล้างบาปของเมืองฟลอเรนซ์ จะสังเกตเห็นได้ว่ามีประตูเหล็กดัดคั่นส่วนวิหารออกจากบริเวณพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเล็ก ประตูนี้ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นผลงานโลหะที่สวยงามวิจิตร

 

 

21 พระราชวังนิโคลัส สร้างในปี ค.ศ.1853 -1861 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของ Grand Duke Nikoley  โอรสของพระเจ้านิโคลัสที่ 1

ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงศิลปะพื้นเมืองที่มีกว่า 100 ชนชาติของรัสเซีย โดยมีความพิเศษคือระหว่างพักการแสดง จะเสิร์ฟวอดก้าและเรดคาร์เวียร์อาหารขึ้นชื่อของรัสเซียให้ผู้เข้าชมรับประทาน

สามารถทานดินเนอร์มื้อค่ำได้บรรยากาศฟินในวัง

22 The Church of the Savior on Spilled Blood (โบสถ์หยดเลือด)  โบสถ์แห่งหยดเลือด สร้างให้เป็นเกียรติแด่พระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ประกาศเลิกทาส ด้วยความหวังดีต่อประชาชน ปรากฎว่าชาวรัสเซียไม่เข้าใจ  เพราะหลังเลิกทาส ชาวนากลับมีความเป็นอยู่ที่จนลง

เป็นผลให้พวกชาวนารวมตัวกันปลงพระชนม์  โดยส่งหญิงชาวนาผู้หนึ่งติดระเบิดพลีชีพวิ่งเข้ามาขณะพระองค์เสด็จผ่าน  ต่อมาบริเวณถนนที่เกิดเหตุนั้นถูกสร้างโบสถ์ครอบไว้ กลายเป็นโบสถ์หยดเลือดมาจนถึงทุกวันนี้

 

 

23 แคทเธอรีนพาเลซ พระราชวังหลวงอันสวยงาม เป็นที่พักผ่อนในฤดูร้อนของพระมเหสีองค์โปรดคือ พระนางแคทเธอรีนที่ 1 โดยพระราชวังถูกสร้างขึ้นในสไตล์สถาปัตยกรรมแบบคลาสิก ตกแต่งประดับประดาผนังห้องด้วยลายปูนปั้นต่างๆ เพดานเขียนภาพเฟรสโก้ ที่มีความสวยงามมาก

 

 ห้องอำพัน เป็นห้องที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม เนื่องจากภายในห้องนั้นได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม โดยเฉพาะภาพที่ใช้ตกแต่งตามผนังและเพดานนั้น ส่วนใหญ่มักสร้างขึ้นจากอำพันทั้งหมด

 

 แต่น่าเสียดายที่ในช่วงสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ทางทหารนาซีได้ขโมยอำพันไปทั้งหมดประมาณ 60 ตัน แต่มีความพยายามที่จะซื้ออำพันมาจากประเทศลัทเวียและกลุ่มทะเลบอลติก เพื่อนำมาทำให้ห้องอำพันนั้นมี ความสมบูรณ์ดังเหมือนอดีตที่ผ่านมา

 

 

ที่นี่ยังมีความงดงามของ "แคทเธอรีน พาร์ค" (Catherine Park) สวนสวยที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 107 เฮคเตอร์ ภายในสวนแบ่งออกเป็นสวนแบบเก่าและสวนแบบอังกฤษ ซึ่งถูกคั่งกลางด้วยบ่อน้ำขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีพาวิลเลี่ยนที่สวยงาม ซึงมีความสำคัญทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่งของเมือง

 

 

24 พิพิธภัณฑ์ไข่ฟาแบร์เช หนึ่งในงานตกแต่งอัญมณีรูปไข่ที่สร้างโดยห้องงานอัญมณีฟาแบร์เช ระหว่างปี ค.ศ. 1885 จนถึงปี ค.ศ. 1917 งานส่วนใหญ่เป็นงานชิ้นเล็กที่เหมาะกับการให้เป็นของขวัญสำหรับเทศกาลอีสเตอร์

 

 

ไข่ฟาแบร์เชที่มีชื่อเสียงที่สุดที่สร้างโดยห้องงานอัญมณีเป็นงานชิ้นใหญ่ที่สร้างให้แก่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 และ ซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย ที่มีด้วยกันทั้งหมด 50ชิ้น  ไข่ใบใหญ่เจ็ดใบสร้างให้แก่นักอุตสาหกรรมอเล็กซานเดอร์ เคลช์แห่งมอสโก

 

 

ไข่ทำจากโลหะมีค่าหรือหินแข็งตกแต่งด้วยอัญมณีและการลงยา คำว่า “ไข่ฟาแบร์เช” มีความหมายเดียวกับความหรูหรา และถือกันว่าเป็นงานอัญมณีชั้นหนึ่ง “ไข่ฟาแบร์เช” ของราชวงศ์รัสเซียถือว่าเป็นกลุ่มงานศิลปะชิ้นเอก

 

 

25 อเลกซันโดรพสกายา โคโลนนา หรือเสาหินอเล็กซานเดอร์ ที่สูงตระหง่าน ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสออกุสต์ เตอ มองต์แฟร์รอง(Aguste Montferrand) ในระหว่าง ค.ศ.1830-1834 ตรงกับช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 ของสยาม และปีที่เริ่มทำ ค.ศ.1830 ตรงกับปีที่โบลิเวียร์ (Simon Bolivar)เสียชีวิต เขาเป็นผู้นำการปลดปล่อยเอกราชจากสเปนให้แก่ประเทศเปรู ปานา โบลิเวียร์ โคลัมเบีย เวเนซุเอล่า เมื่อเขาตายแล้วชื่อจึงถูกนำไปตั้งดินแดนที่เขาปลดปล่อยว่า “ประเทศโบลิเวียร์”

การจัดทำเสาหินนี้ก็เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชัยชนะต่อกษัตริตย์นโปเลียน ในสมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 สูง 47.5 เมตร หนัก 600 ตัน เทียบง่าย ๆ ก็สูงประมาณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (50 เมตร)  ที่พิเศษคือหินที่ใช้ในการสกัดเป็นหินแกรนิตก้อนเดียว นำมาจากริมฝั่งทิศเหนือของอ่าวฟินแลนด์ ตั้งตระหง่านอยู่ด้วยน้ำหนักของตัวเสาหินเอง ไม่มีอะไรยึดโยง

 

 

26 ถนนเนฟสกี้ (Nevsky Prospekt) สร้างในปี ค.ศ.1710 ในสมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช โดยมีความยาว 4.5 กิโลเมตร เริ่มต้นที่หน้าพระราชวังฤดูหนาวและสิ้นสุดที่สถานีรถไฟมอสโก จุดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมสมัยศตวรรษที่ 18-20 ที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง ปัจจุบันเป็นถนนสายหลักของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นทั้งย่านการค้า ย่านที่อยู่อาศัย ที่ตั้งของพระราชวัง โรงละคร โรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกมากมาย

 

 

27 นั่งรถไฟความเร็วสูงเที่ยว จากมอสโคว์มาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เขาเรียกว่า Cancah แต่อ่านว่า ซับซาน ซึ่งมีความเร็วไม่แพ้เตเจเวของยุโรปและชิงกันเซนของญี่ปุ่น แถมสนุกได้ชมวิวตลอดทาง

มีตู้เสบียงให้ยืนทานอาหารได้สบายๆ ระยะเวลาเดินทางคือ 4 ชั่วโมงเพลินๆ หลายคนสะดวกในการเดินทางแนวนี้เพราะสถานีรถไฟในมอสโคว์นั้นอยู่กลางเมืองเลย ขณะที่มอสโคว์เป็นเมืองรถติดมาก หากจะเดินทางไปสนามบินอาจต้องรอนานกว่า

 

 28 ไปทานขาปูคัมชัตกา หลายคนรู้จักแต่ปูอลาสกาแต่ขอบอกว่า ขาปูคัมชัตกานี่ใหญ่โตไม่แพ้กัน  คัมชัตกาคือแดนมหัศจรรย์ในแปซิฟิกของรัสเซีย ดินแดนแห่งความงามอันลับลึกนี้ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าประเทศอิตาลีเล็กน้อย ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสำหรับคนภายนอก แม้คัมชัตกาอยู่ในละติจูดเดียวกันกับหมู่เกาะบริติช แต่มีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างหนาว พื้นที่บางแห่งภายในคาบสมุทรมีหิมะสูงถึง 6 เมตรและบางครั้งสูงเกือบ 12 เมตร

 

 

ฝนมากมายที่ตกลงมาบนดินภูเขาไฟในคัมซัตกาทำให้เกิดพืชพรรณอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งไม้พุ่มจำพวกเบอร์รี, หญ้าที่สูงท่วมหัว, และดอกไม้ป่างามสะพรั่ง เช่น ดอกไม้ตระกูลกุหลาบซึ่งเรียกกันว่าราชินีแห่งท้องทุ่ง ส่วนในทะเลมีปูยักษ์ให้ชิมกันอร่อย ซึ่งที่รัสเซียนี่มีราคาถูก เราไปชิมกันที่ร้าน Crab Story อร่อยและเพียงแค่คนละ 2 ขาก็อิ่ม เพราะขาใหญ่มากๆ

 

 

29 เดินเที่ยวหาซื้อตุ๊กตาแม่ลูกดก ซึ่งที่นี่มีมากมาย สวยและถูกกว่ามอสโคว์ ที่นี่ขึ้นชื่อด้านงานศิลปหัตถกรรม คือ ตุ๊กตาแม่ลูกดก เป็นตุ๊กตาไม้เขียนลวดลายสวยงามและซ้อนกันเป็นชั้นๆ มีตั้งแต่จากตัวใหญ่ไปตัวเล็ก จนถึงเล็กจิ๋ว น่ารักมากๆ  

 

 

ตุ๊กตาของรัสเซียที่เรียงซ้อน ๆ กันหลายตัว ชื่อนี้แผลงมาจากชื่อสตรีภาษารัสเซีย ว่า "มาตรีโยนา" หรืออาจจะถูกเรียกว่าตุ๊กตาคุณยาย ตุ๊กตาแม่ลูกดก ตุ๊กตาแต่ละตัวมีใบหน้าและเสื้อผ้าที่เหมือนกันด้วย แต่ตอนนี้บางทีก็ทำเป็นลูกๆที่หน้าไม่เหมือนกัน ทั้งยังเคลือบเงาอย่างสวยงาม

 

 

30 ร้านสตาร์บัค เหตุใดถึงต้องแนะนำให้เข้าร้านสตาร์บัคในรัสเซีย เพราะร้านสตาร์บัคนั้นมีทั่วโลก ขอบอกว่า รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลกที่สตาร์บัคอนุญาตให้ทำแก้วเป็นลายการ์ตูนได้ นั่นก็คือลายแม่ลูกดก เพราะในประเทศอื่นๆทั่วโลกจะมีเพียงแก้วที่มีอักษรเมืองของประเทศต่างๆเท่านั้น ขอบอกว่าอย่าพลาดเลยแก้วน่ารักจริงๆ

 

 

ขอบคุณการบินไทยที่เชื้อเชิญมาเที่ยวมากมายในมอสโคว์และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก  ตอนนี้การบินไทยบินกรุงเทพฯ – มอสโกสัปดาห์ละ 4 วัน ทุกวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี เสาร์ ลองไปเที่ยวกันนะคะ แล้วจะพบว่า 2 เมืองนี้ช่างอะเมซิ่งมาก

 

 

ขอบคุณที่ติดตามข่าวสารของ Travelista นักเดินทาง นักข่าวสาวที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวกว่า 30 ปี

tags: ท่องเที่ยวต่างประเทศ, จำนวนผู้ชม : 1801

© www.bloggertravelista.com 2018