วันนี้ขอพาไปเที่ยวเมือง “กรุงเก่า” หรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีคำขวัญว่า ราชธานีเก่า อู่ข้าวอู่น้ำ เลิศล้ำกานท์กวี คนดีศรีอยุธยา เลอคุณค่ามรดกโลก
ครบรสขนาดนี้จะพลาดได้อย่างไร #Amazingไทยเท่ #เที่ยวไทยเที่ยวง่ายสนุกทุกทริป #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
อยุธยานั้นมีความยิ่งใหญ่มากนับแต่อดีต โดยอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาตั้งอยู่ภายในเกาะเมืองอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พื้นที่ 3,000 ไร่ ให้เป็น ”มรดกโลก” เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ในนามนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา
จังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้นในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของไทยที่มีชื่อว่า "กรุงศรีอยุธยา" ซึ่งเป็นเมืองหลวงที่มีอายุถึง 417 ปี ความเจริญรุ่งเรืองในทุกด้านของกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นการเมืองการปกครอง , สังคมและวัฒนธรรมและศิลปะ เป็นต้น หลายวัฒนธรรมสืบทอดยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน
ว่าแล้วก็ขอพาไป 5จุดเช็คอิน 5 วิถีกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 5 กิจกรรมท่องเที่ยวปลอดภัย-รับผิดชอบ รวมเป็น 15 เที่ยวคูลอยุธยา กันเลยค่ะ
เริ่มที่ 5จุดเช็คอิน ที่แสนจะมีมากมายเลือกไม่ถูก แต่ขอนำเสนอดังนี้ค่ะ
จุดที่ 1 “เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์” วัดมหาธาตุ จุดไฮไลท์ที่ต้องไม่พลาดเมื่อไปอยุธยา เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์ เป็นเศียรพระพุทธรูปหินทราย ซึ่งสันนิษฐานกันว่า เศียรพระคงหล่นลงมาบริเวณโคนต้นโพธิ์ ที่อยู่ข้างวิหารราย ในช่วงบูรณะครั้งอดีตราว 50 ปีมาแล้ว ส่วนองค์พระนั้นหายไป เมื่อกาลเวลาผ่านไปรากโพธิ์ก็ค่อยๆงอกออกมาห่อหุ้มเศียรพระไว้แน่น จนดูคล้ายกับเศียรพระผุดออกมาจากต้นโพธิ์ เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์ นับเป็น Unseen Thailand ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เทียบเท่ากับมรดกโลกของประเทศอื่นๆ
โดยเมื่อ พ.ศ. 2554 ในช่วงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ณ สำนักงานใหญ่ องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประเทศฝรั่งเศส ได้คัดเลือกภาพแหล่งมรดกโลกทั้งด้านทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ประมาณ 40-50 ภาพ ขนาด 1x1.5 เมตร จากแหล่งมรดกโลกทั้งหมด 936 แหล่ง มาติดไว้บริเวณรั้วของสำนักงานใหญ่ทั้ง 4 ด้าน พร้อมเขียนบรรยายที่มาของภาพแหล่งมรดกโลกต่างๆ ไว้ด้วย โดยหนึ่งในนั้นคือภาพ “เศียรพระพุทธรูปในรากต้นโพธิ์” นั่นเอง
สำหรับวัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวง เป็นศูนย์กลางของเมือง และเป็นสถานที่จัดพระราชพิธีต่างๆ ของกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย
จุดที่ 2 มาอยุธยาทั้งที อย่าลืมแวะไปที่วิหารพระมงคลบพิตรกันนะคะ วิหารตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
แวะถ่ายกับป้ายมรดกโลกก่อนเข้าวิหารค่ะ
ด้านหน้าวิหารค่ะ
ภายในมีพระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปบุสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 9.55 เมตร และสูง 12.45 เมตร นับเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์หนึ่งในประเทศไทย ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นระหว่างปี พ.ศ. 1991–2145
มององค์พระมุมไหนก็งาม
แล้วก็เดินไปเรื่อยๆ เที่ยววัดพระศรีสรรเพชญ์ เพราะนี่คือวัดหนึ่งเดียวของอยุธยาที่อยู่ในเขตพระราชฐาน วัดประจำพระราชวัง ต้นแบบวัดพระแก้ว
วัดพระศรีสรรเพชญ์มีจุดเด่นคือเจดีย์ 3 องค์เรียงตัวกันอยู่กลางวัด แต่ละองค์บรรจุพระบรมอัฐิธาตุของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ อีกทั้งยังมีวิหารหลวง สถานที่ประกอบพระราชพิธีสำคัญๆ อีกด้วยนะคะ วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดที่อยู่ในเขตพระราชฐาน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวัดประจำพระราชวัง จึงไม่มีพระจำพรรษาอยู่ค่ะ
จุดที่ 3 พลาดไม่ได้เลยนะคะ ต้องไปลอดผ่าน “ประตูแห่งกาลเวลา” ที่ “วัดพระงาม” หรือ “วัดพระงาม คลองสระบัว” เป็นสถานที่ที่สวยมากๆ แห่งหนึ่ง หลายท่านไปอยุธยาบ่อยๆ อาจไม่เคยไปที่นี่
วัดนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พร้อมร่องรอยการบูรณะในช่วงอยุธยาตอนต้นถึงตอนกลาง ทางตัววัดหันไปทางทิศตะวันออก มีเจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นประธานของวัด ด้านหน้าเป็นอุโบสถ มีกำแพงแก้วและคูน้ำล้อมรอบวัด
สุดยอดไฮไลท์ของที่นี่ คือ ซุ้มประตูทางเข้าวัด ที่แสนเก๋ไก๋สวยงามมาก มีต้นโพธิ์ปกคลุมมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และต้นโพธิ์ต้นนี้ได้รับประกาศให้เป็น “รุกขมรดกแห่งแผ่นดิน” 1 ใน 88 ต้น ของประเทศไทย ประจำปี 2562 หลายคนเรียกติดปากว่า “ประตูแห่งกาลเวลา” ค่อยๆเดินก้าวผ่านประตูที่แสนลึกลับน่าค้นหา ถือเป็น Unseen Thailand อีกแห่งก็ว่าได้ค่ะ
ขอแนะนำว่า หากอยากได้แสงเก๋ๆ ควรไปตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เวลาประมาณ 18.00 น. แสงสีจะสาดผ่านซุ้มประตูเหมือนไปอีกมิติ และอีกช่วงคือตอนเช้า 06.00 น. แสงจากพระอาทิตย์จะส่องผ่านซุ้มประตูเข้ามาในพระอุโบสถ ถึงเจดีย์แปดเหลี่ยม ฟินสุดๆเลยค่ะ
จุดที่ 4 มาอยุธยาทีไร มักจะแวะเวียนไปที่วัดโลกยสุธาราม เพื่อไปไหว้พระพุทธไสยาสน์ปางไสยาสน์ วัดโลกยสุธารามนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราวปี พ.ศ. 1995
วัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน มีดอกบัวเกยซ้อนรองรับพระเศียร
จุดที่ 5 วัดท่าการ้อง โอ้โหวัดนี้มีการตกแต่งวัดเป็นสีสันต่างๆ สวยแปลกตาค่ะ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศตะวันตกของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะบูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ นามว่า "พระพุทธรัตนมงคล" หรือที่เรียกกันว่า "หลวงพ่อยิ้ม" สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น ขณะที่บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรืองและสงบสุข ดังจะเห็นได้จากพระพุทธลักษณะที่งดงามและพระพักตร์ที่มีความเมตตา
วัดท่าการ้อง ได้ตกแต่งบริเวณวัดให้สวยงามด้วย ไม้ดอก ไม้ประดับ เป็นระเบียบ รวมทั้งมีห้องน้ำที่ตกแต่งสวยงามจนได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวด สุดยอดส้วมแห่งปีระดับประเทศ ปี 2549 ประเภทวัดและศาสนสถาน
จากนั้นไปชม 5 วิถีถิ่นกินเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของอยุธยากันค่ะ มาเมืองมรดกโลกทั้งที มาชมมรดกความงดงามของเมืองนี้
1 ต้องไปทานโรตี โรตีสายไหมของอยุธยา เป็นของฝากที่ต้องนึกถึงเป็นอย่างแรกๆ ไปทีไรเราก็แวะไปซื้อทุกที ย่านที่ขายโรตีสายไหมกันมากๆ คือแถวๆ หน้าบริเวณโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา บนถนนอู่ทอง จนถึงเลยเข้าไปถึงถนนศรีสรรเพชญ์ เมื่อมาถึงที่นี่จะพบกับร้านขายโรตีสายไหมมากมาย เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
จุดเด่นของโรตีอยุธยาคือ น้ำตาลสายไหมที่มีลักษณะหนาและแน่น ไม่ได้ฟูพองตัวเหมือนที่เห็นจากที่อื่น ส่วนแป้งก็มีลักษณะหนานุ่ม มีกลิ่นและส่วนผสมที่ต่างกันในแต่ละร้าน แป้งยิ่งทำใหม่ๆ นุ่มอร่อยมากๆ ค่ะ ส่วนน้ำตาลสายไหมก็มีให้รสชาติให้เลือกกันมากมาย เลยขอเดินเข้าไปดูการทำแป้งและทำน้ำตาลสายไหมด้วย
บังเปีย แสงอรุณ คือผู้สร้างตำนานต้นตำรับโรตีสายไหมเจ้าแรก ถีบจักรยานคู่ใจเร่ขายไปทั่ว จากนั้นจึงตั้งรกรากที่ถนนอู่ทองในอยุธยาและได้ชักชวนญาติพี่น้อง มาขยายกิจการกระจายไปทั่วถนนอู่ทอง นักท่องเที่ยวบางคนเรียกถนนเส้นอู่ทองบริเวณนี้ว่า เส้นทางสายไหม
2 ช้อปและชมตุ๊กตาชาววัง นอกจากอ่างทองแล้ว ที่อยุธยาก็มีการทำตุ๊กตาชาววังกันในหลายที่นะคะ และกลายเป็นสินค้ายอดนิยมในแหล่งช้อปปิ้งของชุมชน หากจะย้อนอดีตของอยุธยานั้น ได้ชื่อว่าเป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวังหลวง และเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีงาม และความทรงจำในอดีตนั้นได้ถูกบันทึกลงไปใน "ตุ๊กตาดินเผาชาววัง" เช่นที่ ศูนย์หัตถกรรมกลุ่มปั้นตุ๊กตาดินเผาอยุธยา การปั้นนั้นผู้ปั้นจะใช้จินตนาการของตนเองในการกำหนดรูปแบบและวิธีการปั้น จนตุ๊กตาชาววังแบบดั้งเดิม กลายเป็นสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทย
ตุ๊กตาแต่ละตัว จะแสดงวิถีชีวิตเช่น เด็กตีวงล้อ ขี่ม้าก้านกล้วย เดินกะลา เล่นมอญซ่อนผ้า เล่นไม้หึ่ง การทำนา เกี่ยวข้าว สีข้าว ตลอดจนการค้าขาย ตลาดแผงลอย หาบแร่ ตลาดน้ำ เรือขายสินค้า วัฒนธรรม และประเพณี ไปช่วยช้อปสืบสานภูมิปัญญางานปั้นตุ๊กตาของโบราณไม่ให้สูญหายกัน และอย่าลืมหาซื้อเรือนไม้เล็กๆ แบบย่อส่วน ซึ่งเป็นโมเดลต้นแบบเรือนไม้ของอยุธยากันด้วยนะคะ
3 ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา อยุธยามีที่เที่ยวมากมาย อาหารการกินเยอะแยะ หนึ่งในทีเด็ดของอยุธยาที่พลาดไม่ได้อีกอย่างก็คือ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยานั่นเอง ก๋วยเตี๋ยวเรือสูตรอยุธยามีรสชาติจัดจ้าน น้ำก๋วยเตี๋ยวสีข้นแบบก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น เพราะใส่ซีอิ๊วดำ อีกทั้งยังใส่น้ำตก คือ เลือดวัวหรือหมูผสมกับเกลือ สำหรับปรุงใส่ในน้ำก๋วยเตี๋ยว
ก๋วยเตี๋ยวเรือ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และก๋วยเตี๋ยวหมู เป็นก๋วยเตี๋ยวที่ผูกพันกับวิถีชีวิตคนอยุธยามานาน ในสมัยก่อนจะขายในเรือพายตามคลอง จึงเป็นที่มาของชื่อ ชามที่ใส่จะมีลักษณะเล็ก และราคาก็ไม่แพงค่ะ 20-30 บาทเท่านั้นเอง บางร้านก็ยังขาย 15 บาทค่ะ
4 ชมสินค้าชุมชนและช้อปของดีอยุธยา ที่ตลาดลานจอดรถหลังวิหารพระมงคลบพิตร เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังพระนครศรีอยุธยา มีร้านค้าตั้งเรียงรายมากมายหลายร้าน จำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นเมืองหลายอย่างเช่น ปลาตะเพียน เครื่องจักสานเครื่องหวาย มีดอรัญญิก อาหารและของดีอยุธยาหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้สนใจซื้อสินค้าพื้นเมืองและของที่ระลึกต่างๆ
5 ตลาดน้ำกรุงเก่า วัดท่าการ้อง อีกหนึ่งตลาดน้ำยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ตลาดน้ำกรุงเก่า เป็นตลาดน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่หน้าวัดท่าการ้อง วัดโบราณที่มีมาแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตลาดน้ำกรุงเก่าวัดท่าการ้อง เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-15.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00-18.00 น. ภายในตลาดน้ำมีการจำหน่ายอาหารไทยพื้นบ้าน คาว-หวาน เพลิดเพลินใจไปกับการเลือกซื้ออาหารหลากหลายบนเรือพายกว่า 70 ลำ
5 กิจกรรมท่องเที่ยวปลอดภัย-รับผิดชอบ
ยุคนี้มาเที่ยวทั้งที ต้องขอทำกิจกรรมต่างๆ ในการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและรับผิดชอบไปด้วยนะคะ นั่นคือ
1 ล้างมือในแหล่งท่องเที่ยว ก่อนจะเข้าไปเที่ยว เดี๋ยวนี้หลายจุดก็มีที่ล้างมือให้สะอาดปลอดภัยจากโควิดนะคะ
2 เก็บขยะในวัด หากเห็นวัดไหนมีการทิ้งสิ่งของสกปรก อาจจะช่วยวัดเก็บสิ่งของเหล่านั้น ไปทิ้งขยะกันด้วยนะคะ
ว่าแล้วเราก็เลยนำดอกบัวที่มีคนมาทิ้งไว้ในทางเดิน เก็บไปทิ้งในถังขยะค่ะ
3 ใช้ถังแยกขยะ หลายๆที่มีถังแยกขยะ ก็ทิ้งให้ถูกประเภทกันค่ะ
4 การแต่งกายให้เรียบร้อย ให้เกียรติสถานที่ โดยเฉพาะการเข้าวัด ต้องแต่งกายสุภาพ ตอนนี้หลายๆ คน ยังนิยมแต่งชุดไทย ตามรอยออเจ้า ไปเที่ยวอยุธยากรุงเก่ากันค่ะ โดยเฉพาะที่วัดไชยวัฒนารามนี่ สาวๆแต่งชุดไทยกันน่ารักเลยค่ะ
5 เก็บรองเท้าให้เป็นระเบียบในวัด หลายวัดเขาจัดเป็นกล่องหรือที่ใส่รองเท้า ควรใส่วางให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกันค่ะ
และขอปิดท้ายที่ วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งได้รับมาตรฐาน Amazing Thailand Safety and Health Administration (SHA) มาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเพื่อนักท่องเที่ยวโดยนักท่องเที่ยว จัดทำโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือททท.ค่ะ
วัดไชยวัฒนาราม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกนอกเกาะเมือง เป็นวัดที่พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาองค์ที่ 24 โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2173 ได้ชื่อว่าเป็นโบราณสถานที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง
สิ่งที่น่าชมภายในวัดได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานของวัดตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสและที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม เรียกว่าสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนอยุธยาไม่ควรพลาดชมอย่างยิ่ง
ไปอยุธยาก็อย่าลืมนั่งตุ๊กตุ๊กหน้ากบ เอกลักษณ์ของที่นี่เที่ยวกันนะคะ สนุกสนานมากๆ ค่ะ
อยุธยามีของดีครบรสจริงๆค่ะ
ไปย้อนอดีตกรุงเก่า เล่าความสุขให้เพื่อนๆ ฟังกันค่ะ