ไปชิมอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งแท้ แสนอร่อย ราคาไม่แพงที่ Dà Cuisine (ต้า คูซีน) ที่เรียกได้ว่าเป็น The New Cantonese Restaurant in Bangkok ที่เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2 เดือน #DaCuisine #ต้าคูซีน
อยากทานอาหารจีนในบรรยากาศเก๋ๆ แบบสมัยใหม่ ได้ยินชื่อร้านนี้มา เลยต้องขอไปลองสักครั้ง Dà Cuisine ร้านอาหารจีนร่วมสมัยที่ซ่อนตัวอยู่ภายในแอทธินี่ ทาวเวอร์ บนถนนเพลินจิต
ร้านนี้เขานำเสนอเมนูอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ที่ต้องการนำเสนอความอร่อยด้วยรสชาติแบบดั้งเดิม ภายใต้บรรยากาศร่วมสมัยในสไตล์ Modern Chinese ร้านสะอาดโปร่งโล่งนั่งสบายมาก บรรยากาศหรูหราและร่วมสมัย เน้นความสวยงามและความสะอาด ผ่านการตกแต่งภายในด้วยโทนสีเขียวตัดกับสีทอง เรียกได้ว่าสวยงามคลาสสิกมาก จะเป็นผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก็เข้ามาทานได้ในบรรยากาศเป็นกันเอง ไม่ใช่ร้านจีนที่เก่าแก่ย้อนยุคมากไป จนบางคนไม่กล้าเข้า แต่ร้านนี้เขานั่งสบาย ๆ พื้นที่กว้างขวาง และมีห้องส่วนตัวให้เลือกด้วย
เมนูอาหารต่าง ๆ ของทางร้าน รังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟมากประสบการณ์ในการทำอาหารจีนกวางตุ้งมายาวนานกว่าสิบปี นำโดยคุณสมชาย อรวีระนนท์ กัปตันห้องอาหาร ต้า คูซีน ที่บริการได้อย่างประทับใจและทำอาหารได้อร่อยมากๆ รังสรรค์อาหารจีนกวางตุ้งออกมาสไตล์ฮ่องกงที่เด็ดสุดๆ
เมนูเด็ดมีมากมาย แต่ไฮไลท์สุดคือ ปลาฉิกขักอบเต้าซี่ ซึ่งปลาฉิกขักนี้เขาว่ากันว่า เป็นปลาที่เซียนปลายังยอมก้มหัวคารวะให้ เด็กรุ่นใหม่หรือคนทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเคย ต้องเป็นคนเก่าคนแก่หรือมีเชื้อสายจีนหน่อยๆ จะคุ้นหูบ้าง ปลาตัวนี้คือปลา"ตะลุมพุก" ในอดีตเคยมีมากในแม่น้ำเจ้าพระยาแถวๆ บางยี่ขัน แต่ทุกวันนี้หาได้ยากมากแล้ว
ปลานี้รูปร่างคล้ายปลาตะเพียน เป็นปลาน้ำกร่อย เนื้อหวานและมัน ทำให้มีราคาแพง เมนูที่สุดยอดคือฉิกขักอบเต้าซี่ เชฟเล่าว่า ปลาฉิกขักจะหาทานได้ต่อเมื่ออากาศหนาว จะมีแค่ช่วงนี้ถึงราวเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อเลยเวลานี้จะหาทานยาก เพราะจะเป็นช่วงปลาวางไข่และจับได้ยาก ช่วงนี้เนื้อหวานสุด แม้จะเป็นปลาที่ก้างเยอะมาก แต่ผู้บริโภคชอบ แม้จะต้องใช้เวลานั่งเขี่ยก้างกันออกบ้าง แต่ไม่เป็นอุปสรรค ปลานี้จะผ่าครึ่งซีก เพราะหากปรุงทั้งตัวอีกด้านจะไหม้ เป็นความรู้ไปอีกแบบ เมื่อปรุงมาครึ่งตัวจะได้ความอร่อยมาก จากเนื้อปลาสดและเต้าซี่หอมอร่อย น้ำจิ้มผักชีเข้ากันมาก แม้ครึ่งตัวแต่ทาน 4 คนก็อิ่ม เพราะเป็นซีกใหญ่
ซึ่งจริงๆก่อนจะทานปลา เราเริ่มที่ออเดิฟกันก่อนแล้ว มีทั้งขนมปังหน้ากุ้ง ที่ใช้ขนมปังชั้นดีตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม โรยด้วยกุ้งและงา ทอดร้อนๆ
หรือจะเป็นฟักทองชุบไข่เค็มทอด ที่ลูกค้าชอบสั่งทานเล่นก่อนอาหารหนัก รสชาติกลมกล่อมมาก ต้องทานร้อนๆ จะได้ความกรอบของฟักทองและความหอมของไข่เค็ม
ยังมีกระเพาะปลาผัดแห้ง ที่เด็ดมากเช่นกัน ซึ่งที่นี่ไม่ได้ทำออเดิร์ฟแบบรวมกันแต่แยกสั่งเป็นอย่างๆ แต่ทานได้พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ลองสั่งซุปมาทาน ที่นี่เขามีทั้งซุปเป๋าฮื้อต้า ซุปกระเพาะปลาน้ำแดง ซุปสามเซียน โดยซุปสามเซียนคือซุปร้อนๆ ที่เคี่ยวกับเครื่องวัตถุดิบอย่างหอยสังข์ ปลากะพงแดง และกังป๋วย ได้รสชาติที่เข้มข้น บำรุงสุขภาพเป็นอย่างดี ซุปร้อนๆ ที่เคี่ยวมาอย่างพิถีพิถัน อัดแน่นด้วยเครื่องซีฟู้ดดังที่กล่าวมา
ที่ร้านยังมีก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ ขนมจีบเป๋าฮื้อกุ้ง ใช้เป๋าฮื้อแบบเบบี้จากชิลี
ส่วนพวกเมนูกระทะร้อนเช่น ซี่โครงหมูต้าคูซีนกระทะร้อน ทานกับขนมปัง เนยและแยม เข้าคู่กันดีมากๆ หลายๆ เมนูควรทานตอนร้อนๆ จะอร่อยมาก
จากนั้นไปกันที่มหาสมุทรกระทะร้อน ปลาหมึกห่อเนื้อกุ้งทอด เสิร์ฟบนกระทะร้อน พร้อมซอสสูตรพิเศษของทางร้าน หรือจะเป็นคุโรบุตะซอสเต้าหู้ยี้กระทะร้อน คุโรบุตะหั่นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟแบบกระทะร้อน มาพร้อมกับซอสเต้าหู้ยี้อาจจะสั่งกระทะร้อนแบบอื่นเช่น เนื้อวัวกระทะร้อน สเต็กเป็ดกระทะร้อนก็ได้
จากนั้นมาที่ขาห่านอบบะหมี่ ขาห่านมีความหอม เปื่อย และบะหมี่เป็นบะหมี่ไข่ บะหมี่เส้นเล็กเข้ากับขาห่านอย่างดี ด้วยคุณสมบัติเครื่องยาจีน ที่ปรุงได้เข้ากันอย่างกลมกล่อม
เคาหยกเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนไม่พลาด บางทีเรียกเคาหยกพันปี มีความหอมของเนื้อเคาหยก มีความนุ่ม ลูกค้าชอบมาก จะเสริฟพร้อมหมั่นโถ
หลายคนชอบสั่งเป็ดปักกิ่ง ซึ่งเป็ดที่นี่ใช้วัตถุดิบคือเป็ดเชอรี่ หนังกรอบ มีความหอม หนังบาง แล่ไม่ติดมัน ความอร่อยคือน้ำจิ้มเป็ด ทานคู่กับแป้งร้อนๆ ต้นหอม พริกชี้ฟ้า จากนั้นสามารถนำเนื้อเป็ดไปทำเมนูอื่นได้ 2-3 อย่างเช่นทอดกระเทียม ลาบ หรือเมี่ยงก็ได้ เป็ดปักกิ่งต้องสั่งจองล่วงหน้า ทางร้านจะได้เตรียมพร้อม
เมนูยังมีอีกมากมาย เช่น ข้าวอบกุ้งสามสหาย ข้าวสวยร้อนๆ อบกับกุ้งตัวโต ปรุงพร้อมเครื่องเทศต่างๆ ข้าวหนำเลี๊ยบอบหมูสับ โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของหนำเลี๊ยบ
ส่วนของหวานที่นี่มี สาคูแคนตาลูป บัวลอยน้ำขิงร้อน และพุทราทอด ซึ่งพุทราทอดใหม่ๆ ร้อนๆ นี่อร่อยอย่าบอกใคร
และยังมีต้าซิกเนเจอร์ เครื่องดื่มเรียกน้ำย่อย หลายคนที่ทานอาหารจีน มักสั่งชาร้อนมาทาน ที่นี่เขาใช้แก้วใสใส่ชา เพราะต้องการให้ลูกค้ามองเห็นว่าเป็นชาอะไร สีอะไร มีความหอมนุ่มนวลแค่ไหน และความร้อนในตัวภาชนะก็ทำให้ร้อนนาน
หากสนใจไปทานลองโทรจองล่วงหน้าที่ 09-4995-9999 ร้านเปิดตั้งแต่ 11 โมงเช้าถึงสี่ทุ่มครึ่ง และสามารถติดตามได้ในช่องทางเฟสบุ๊ก Da Cuisine
รีวิวโดย Travelista นักเดินทาง (สาธิตา โสรัสสะ) นักข่าวสาวที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวกว่า 30 ปี ปัจจุบันเป็นอุปนายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย และประธานมีเดีย แอนด์ บล็อกเกอร์ คลับ โทร 081-8172805