มีโอกาสไปร่วมในขบวนรถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ Lanna Modernization เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สนุกมากๆค่ะ
การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟ บนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา
ทางบพข. กองทุนส่งเสริม ววน. สนับสนุนทุนวิจัยเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ 3 จังหวัด เชื่อมโยงเชียงใหม่ ลำพูน และลำปาง ภายใต้แผนงานวิจัย “การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟ บนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา”
การเดินรถไฟท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ 3 จังหวัด (เชียงใหม่ - ลำพูน – ลำปาง) ขบวนปฐมฤกษ์ในครั้งนี้ เป็นการเดินรถไฟที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวทั้ง 3 จังหวัด โดยใช้การเดินทางโดยรถไฟเป็นแกนกลางในการเชื่อมประสานกับแหล่งท่องเที่ยวของ 3 จังหวัด โดยมุ่งเน้นการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในย่านเมืองเก่า
ร่วมกับการจำลองบรรยากาศย้อนยุคตามประวัติศาสตร์การดำเนินกิจการรถไฟในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ที่ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการสร้างทางรถไฟในภาคเหนือ
ภายในขบวนปฐมฤกษ์เส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ 3 จังหวัด (Lanna Modernization) นี้มีการแสดงของวงดนตรีบรรเลงเพลงดุริยมรรคาอนันตราล้านนา ร่วมกับการฟ้อนเล็บแบบล้านนา ณ สถานีรถไฟเชียงใหม่
จากนั้นขบวนรถได้เคลื่อนออกจากสถานีรถไฟเชียงใหม่สู่สถานีรถไฟลำพูน
ท่องเที่ยวในย่านการค้าโบราณและย่านประวัติศาสตร์ของเมืองลำพูน เช่น กู่ช้าง-กู่ม้า วัดพระธาตุหริภุญไชย อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี คุ้มเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์
จากนั้นเคลื่อนขบวนรถไฟจากสถานีรถไฟลำพูน สู่สถานีรถไฟนครลำปาง
มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนขบวนรถไฟ ด้วยสำรับอาหารล้านนาและชาติพันธุ์ ในรูปแบบบ็อกเซต (Box Set)
มุ่งเน้นนำเสนอวัฒนธรรมอาหารที่เป็นรากเหง้าและผูกโยงกัน จนตกผลึกเป็นอาหารอัตลักษณ์ล้านนา
อร่อยมากๆค่ะ
เมื่อเดินทางถึงสถานีรถไฟนครลำปาง ชมการแสดงชุดฟ้อนสลุงลำปาง
เปลี่ยนพาหนะเป็นรถม้านำเที่ยว เพื่อท่องเที่ยวในย่านการค้าเมืองเก่าและย่านประวัติศาสตร์ของเมืองลำปาง
สถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัดศรีรองเมือง วัดปงสนุก ชุมชนประตูป่อง ชุมชนท่ามะโอ ชุมชนสบตุ๋ย และชุมชนรถไฟนครลำปาง
แล้วเข้าสู่การเดินรถขากลับ ขบวนรถไฟแวะพักชมสถานีรถไฟขุนตาน
และจุดชมวิวสะพานรถไฟทาชมพู ก่อนเดินทางถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่
ความเป็นมาของการเดินรถไฟท่องเที่ยวสายประวัติศาสตร์ 3 จังหวัด (เชียงใหม่ - ลำพูน – ลำปาง) นี้ สืบเนื่องจากเมื่อร้อยปีมาแล้วก่อนหน้าที่จะมีการใช้เส้นทางรถไฟ การเดินทางจากลำปางไปสู่เชียงใหม่มีความยากลำบาก เนื่องจากภูมิประเทศในแถบนี้เป็นภูเขาสูงและมีเหวลึก และมีความยากลำบากในการสร้างทางรถไฟจากลำปางมาเชียงใหม่
โดยใช้เวลาในการขุดเจาะอุโมงค์ขุนตานนานถึง 11 ปี ซึ่งอุโมงค์ขุนตานถือได้ว่าเป็นอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย อุโมงค์นี้เปิดให้ใช้ในปลายเดือนมีนาคม พ.ศ.2461 โดยมีความยาว 1,362.05 เมตร
หลังจากที่ทางรถไฟสายเหนือสร้างมาถึงเชียงใหม่ ทำให้การเดินทางจากกรุงเทพขึ้นมาเชียงใหม่ใช้เวลาไม่นานเหมือนแต่ก่อน ผู้คนจำนวนมากหันมาใช้บริการของรถไฟ และมีการสร้างสถานีรถไฟประจำเชียงใหม่ขึ้น ชาวบ้านเรียกสถานีนี้ว่า “สถานีป๋ายราง” หมายถึงที่สิ้นสุดของรางรถไฟ หลังการก่อสร้างสถานีรถไฟเชียงใหม่เสร็จ ก็ได้มีพิธีเปิดทำการเดินรถไฟสายเหนือขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2464 และยังทำให้เกิดการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดคือเชียงใหม่ ลำพูน ลำปางด้วย
แผนงานการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟ บนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา และโครงการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานอัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารลำปางและพื้นที่เชื่อมโยง จะช่วยตอบโจทย์เป้าหมายของ ทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.) ปี 2565 ในการเพิ่มรายได้เมืองรองทางการท่องเที่ยว
ซึ่งการวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นการกระจายนักท่องเที่ยวจากเมืองหลัก คือ จังหวัดเชียงใหม่ เชื่อมเมืองรอง คือ ลำพูน และลำปาง ซึ่งในรอบปฐมฤกษ์มีนักท่องเที่ยวเข้าร่วมต่อวันเฉลี่ย 120 คน ซึ่งจะมีกิจกรรมในเมืองรองทั้งสองเมือง คาดว่าจะทำให้เกิดการใช้จ่ายจากกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นและเรื่องราวเชิงวัฒนธรรม นำไปสู่มูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
จุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวเส้นทางรถไฟสายวัฒนธรรมของกลุ่มจังหวัดล้านนาตอนบน (ลำปาง-ลำพูน-เชียงใหม่) เกิดจากความมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือตอนบน 1 การรถไฟแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ต่อมากลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข. ได้มีการสนับสนุนทุนวิจัยประเด็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภายใต้แผนงานการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟ บนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา
โดยมี ผศ.ดร.ณัฐนันท์ ฐิติยาปราโมทย์ และคณะ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และได้มีการสนับสนุนประเด็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอาหาร ภายใต้โครงการการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานอัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารลำปางและพื้นที่เชื่อมโยง โดยมี ดร.ปัณณทัต กัลยา และคณะ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ดำเนินการวิจัย เพื่อทำให้เกิดการท่องเที่ยวสร้างสรรค์โดยรถไฟจากเมืองท่องเที่ยวหลักสู่เมืองท่องเที่ยวรอง รูปแบบการบริหารจัดการภาครัฐ-ภาคเอกชน-สมาคมในการทำงานร่วมกัน การออกแบบบริการบนรถไฟ รวมทั้งอาหารและสำรับใส่อาหารสำหรับบริการอาหารแก่นักท่องเที่ยวขณะเดินทางท่องเที่ยวบนรถไฟ โดยต่อยอดจากอัตลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นลำปาง
ผู้เข้าร่วมในงานนี้ เช่น รศ.(พิเศษ) ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ,นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา ,นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ , นายภาษเดช หงส์ลดารมภ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน , นายสันติ รังษิรุจิ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง , นายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย , ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และ รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)
ขบวนรถไฟขบวนนี้จะมีเพลงพิเศษของตัวเองด้วย
เก็บตกจากพิธีเปิดที่เชียงใหม่
รถไฟขบวนนี้กำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก
รศ.ดร.ธงชัย สุวรรณสิชณน์ รองผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นการนำเสนอความหลากหลายของมรดกทางวัฒนธรรมมาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เป็นการย้อนยุควัฒนธรรมอันมีคุณค่าและส่งมอบไปยังรุ่นต่อๆไป การท่องเที่ยวโดยรถไฟนับเป็นเอกลักษณ์ เมื่อผนวกกับแนวทางร้อยเรียงเรื่องราวของ 3 จังหวัดและมรดกทางวัฒนธรรมต่างๆ นับเป็นการยกระดับคุณค่าการท่องเที่ยวของไทยให้มากขึ้น
ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า สกสว. กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ได้บริหารจัดสรรงบประมาณให้กับ บพข. ซึ่งได้มอบงบให้มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง จัดทำเส้นทางเดินรถไฟสายประวัติศาสตร์ จะนำไปสู่การกระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างความเจริญจากเมืองหลักไปยังเมืองรองของประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวไทยต่อไป
นายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โครงการที่เกิดขึ้นนี้เป็นโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากภาคีเครือข่าย ซึ่งต้องขอขอบคุณ บพข. , สกสว. , มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และภาคส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง เราหวังว่าจะมีการต่อยอดจากครั้งนี้ต่อไป เช่นภาคเหนือขยายไปยังแพร่ อุตรดิตถ์ หรือพิษณุโลก หรือภูมิภาคอื่นๆเช่นอีสาน ที่โคราช ขอนแก่น หนองคาย สุรินทร์ หรือทางใต้ เช่นที่เพชรบุรี ชุมพร หวังว่าจะได้เดินหน้าไปเฟส 2 หรือระยะต่อไป
ขอบคุณที่ติดตาม Travelista นักเดินทางค่ะ