ตอนนี้กำลังฮอตและคนไทยไปเที่ยวเยอะมากค่ะ #รถไฟความเร็วสูงลาว โดยเฉพาะจาก #เวียงจันทน์ ไป #วังเวียง และต่อไปยัง #หลวงพระบาง วันนี้ก็เลยขอนำเสนอรีวิวที่เที่ยว 2 เมืองนี้และวิธีการเดินทางจากไทยค่ะ เพราะได้ไปสัมผัส 2 เมืองที่น่าเที่ยวนี้มาแล้วค่ะ
ก่อนอื่นจะออกจากไทยไปลาว สามารถไปได้โดย บขส.นะคะ เพิ่งเปิดวิ่งไปสู่เวียงจันทน์จากหลายเมืองค่ะ เช่นหนองคาย – นครหลวงเวียงจันทน์ , อุดรธานี – นครหลวงเวียงจันทน์ , ขอนแก่น – นครหลวงเวียงจันทน์ , กรุงเทพมหานคร – นครหลวงเวียงจันทน์ หรือจะบินตรงจากกรุงเทพไปเวียงจันทน์เลยก็ได้ค่ะ
ตัวอย่างนะคะอุดรธานี-เวียงจันทน์ เดินรถวันละ 8 เที่ยว เวลาออก 08.00-18:00 น.1 ชม. 23 นาที (73.7 กม.) เปิดบริการทุกวัน เส้นทางอุดรธานี-เวียงจันทร์ คนละ 80 บาท สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 042-221489 สถานีเดินรถอุดรธานี
ทีนี้พอไปถึงลาวแล้ว เราก็จะเริ่มท่องเที่ยวโครงการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงเส้นทาง “เวียงจันทน์ ” สปป.ลาว เปิดเดินรถเที่ยวแรก ในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ซึ่งตรงกับวันชาติของลาวพอดี จากนครเวียงจันทน์ไปวังเวียง 123 กม. จากวังเวียงไปหลวงพระบางอีก 156 กิโลเมตร หรือเป็นระยะทางจากเวียงจันทน์ไปหลวงพระบางรวม 239 กิโลเมตรค่ะ
สำหรับค่าโดยสาร นครหลวงเวียงจันทน์-หลวงพระบาง ตู้โดยสารชั้น 1 คนละ 174 หยวน หรือ 313,000 กีบ หรือ 895 บาท ตู้โดยสารชั้น 2 คนละ 110 หยวน หรือ 198,000 กีบ หรือ 565 บาท ค่าโดยสารรถไฟความเร็วธรรมดา คนละ 78 หยวน หรือ 140,000 กีบ หรือ 400 บาท
นครหลวงเวียงจันทน์-วังเวียง ตู้โดยสารชั้น 1 คนละ 91 หยวน หรือ 164,000 กีบ หรือ 465 บาท ตู้โดยสารชั้น 2 คนละ 57 หยวน หรือ 103,000 กีบ หรือ 295 บาท ค่าโดยสารรถไฟความเร็วธรรมดา คนละ 41 หยวน หรือ 74,000 กีบ หรือ 210 บาท
สามารถเดินทางไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงได้ที่ สถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทน์ โดยสามารถเหมารถสามล้อ หรือรถแท๊กซี่ ที่ให้บริการภายในนครหลวงเวียงจันทร์ เพื่อเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีรถไฟนครหลวงเวียงจันทร์
รถไฟความเร็วสูงในลาวจนถึงปัจจุบันที่ก่อสร้างแล้วมีสถานีผู้โดยสาร 10 แห่ง ได้แก่ นครหลวงเวียงจันทน์ โพนหง วังเวียง กาสี หลวงพระบาง เมืองไซ นามอร์ นาเตย และบ่อเต็น
โดยมีสถานีปลายทางที่บ่อเต็น ซึ่งจะต้องผ่านวังเวียง และหลวงพระบาง มีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ยากต่อการเข้าถึง เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีประชากรน้อยและตั้งอยู่บริเวณกระดูกสันหลังอินโดจีน ด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาหินปูนจำนวนมากและมีปริมาณน้ำฝนที่สูงในแต่ละปี และยังเป็นอาณาบริเวณที่มีระเบิดกระจัดกระจาย จึงถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่สร้างยากที่สุดในโลก เส้นทางทั้งหมดเป็นอุโมงค์ร้อยละ 47 และเป็นสะพานรถไฟร้อยละ 15 โดยคิดเป็นอุโมงค์จำนวน 75 แห่งและสะพานรถไฟจำนวน 167 แห่ง บริเวณพรมแดนระหว่างประเทศจีนและลาว มีทางอุโมงค์ความยาว 9,680 เมตร อยู่ในประเทศลาว 7,170 เมตร และอยู่ในประเทศจีน 2,510 เมตร โดยรวมแล้ว ทางรถไฟสายนี้มีสถานีทั้งหมด 32 สถานี รวมจีนด้วยค่ะ
เส้นทางในลาวช่วงหลวงพระบาง-วังเวียงนี้เคยนั่งรถบัสเที่ยวมาแล้วนะคะ มีช่วงที่เส้นทางสูงชันคดเคี้ยวมาก จนถูกเรียกว่าสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียค่ะ แนะนำให้ไปเที่ยวด้วยเส้นทางรถไฟความเร็วสูงดีกว่านะคะ น่าจะเซฟตี้กว่า55(ในความรู้สึก ทางลงถนนเป็นหุบเหวเยอะมากค่ะ)
เรื่องราวของการท่องเที่ยว “หลวงพระบาง-วังเวียง” ที่ Travelista สนุกแสนประทับใจ
วังเวียงถูกเปรียบเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งเอเชียเลยทีเดียว วังเวียงหรือ “กุ้ยหลินเมืองลาว”
เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทิวเขา สายน้ำซอง ไร่นาแบบขั้นบันได และหมู่บ้านชนพื้นเมืองเผ่าต่างๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างแวะเวียนกันมาท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
ตัวเมืองถูกล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ ชมทัศนียภาพอันงดงามของทิวเขาที่สลับกัน เหมาะจะไปสูดอากาศบริสุทธิ์ โดยเฉพาะผาตั้ง สัญลักษณ์ของเมืองนี้มีความสวยงามมาก
นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวลาวในชนบท เช่น เผ่าลาวสูง, ลาวเทิง, ลาวม้ง และไทลื้อ
ส่วนกิจกรรมของเมืองแอดเวนเจอร์แห่งนี้ ต้องไปชมถ้ำจัง นั่งเรือเที่ยวแม่น้ำซอง
และไปโดดน้ำที่บลูลากูน ธารน้ำสีเขียวใส
หรือจะขึ้นบอลลูนเที่ยว
เมืองนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงมีที่พัก ร้านอาหาร ร้านอินเทอร์เน็ต ตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวเปิดให้บริการอย่างคึกคัก
จากวังเวียงไปหลวงพระบางตลอดทางเป็นแนวเขาสูงชัน สวยงามมาก อันนี้อย่างที่บอก ไปทางรถบัสจะขึ้นเขาคดเคี้ยวค่ะ
“สถานีรถไฟหลวงพระบาง” ได้ชื่อว่าการออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของลาว-จีน แผนการก่อสร้างที่ไม่เหมือนใครโดยผู้เชี่ยวชาญชาวจีน สถานีหลวงพระบางตั้งอยู่บนพื้นที่ 7,970 ตารางเมตร ประกอบด้วยสองชานชาลาและสี่ราง เช่นเดียวกับโถงสถานีที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1,200 คน
หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ตัวเมืองสงบ อบอุ่นด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี เมืองหลวงเก่า อดีตราชธานีศรีสัตนาคนหุตแห่งอาณาจักรล้านช้าง
หลวงพระบางได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกด้วยเหตุผล คือ มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย มีบ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์โคโลเนียลสไตล์ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมน้ำโขงและน้ำคาน ซึ่งไหลบรรจบกันท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม
มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่งดงาม โดยเฉพาะการตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งควรใส่ผ้านุ่งและผ้าเบี่ยงตามแบบฉบับของคนลาวด้วย จะเข้ากับบรรยากาศยามเช้าของที่นั่นมาก
หลวงพระบางเป็นเมืองน่าเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในหลวงพระบาง ซึ่งเป็นราชธานีเก่าแก่ คือการเที่ยววัด ซึ่งมีศิลปะงดงาม มีขนาดกะทัดรัดไม่ใหญ่โต
จุดเด่นคือวัดเชียงทอง ออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านนา และได้รับการยกย่องจากนักโบราณคดี ว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในลาว จนทำให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต่างพากันมาชื่นชมความงามนี้
ภายในวัดเชียงทองประกอบไปด้วยพระอุโบสถ พระประธาน วิหารน้อย ซึ่งมีการประดับตกแต่งด้วยศิลปะแบบหลวงพระบางแท้ ๆ งดงามสีเหลืองทองอร่ามไปทั่ว
ต้องไม่พลาดที่จะไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง ชมหอพระบาง ซึ่งพระบางนั้นถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวหลวงพระบาง งดงดงามในรูปแบบของปางห้ามสมุทร แต่เขาห้ามถ่ายรูปพระบาง
และเข้าไปชมในส่วนของพระราชวังหลวงพระบาง ซึ่งสร้างในสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ชมห้องประทับต่างๆ งดงามมาก การแต่งกายเข้าชมจะต้องสุภาพเรียบร้อย
มาถึงหลวงพระบางทั้งที ต้องไปเดินเที่ยวชมเกสท์เฮ้าส์ต่างๆออกแบบน่ารัก ทุกอาคารจะถูกกำหนดให้สร้างไม่เกิน 2 ชั้น มีร้านกาแฟและขนมอร่อยมากมาย ยามค่ำก็ต้องเดินไนท์ มาร์เก็ต
หรือจะทานบุฟเฟ่ต์แบบนักท่องเที่ยว ทานอะไรก็ได้ ตักได้เต็มชามราคาประมาณ 70 บาท
ต้องไปเที่ยวน้ำตกที่นั่น ซึ่งหลวงพระบางมีน้ำตกตาดแส้ สีน้ำสวยงามมาก เขียวใส และมีปางช้างอยู่ในบริเวณนั้น เราจะเห็นช้างดำผุดดำว่ายมีนักท่องเที่ยวอยู่บนหลัง สนุกไปอีกแบบ
ลาวเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวแบบไม่ปรุงแต่งอะไรมากนัก
เรื่องและภาพโดย Travelista นักเดินทาง
ลายน้ำของภาพโดย Ghost Writer Ta