Travelista นักเดินทาง

"365 วันของฉันคือการเดินทาง"
นักข่าว-บล็อกเกอร์-นักเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค-โค๊ชออนไลน์

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน "กุมภกรรณทดน้ำ” ยิ่งใหญ่ ตระการตา

tags: ท่องเที่ยวไทย, เขียนเมื่อ : 03 พฤศจิกายน 2566 17:33:15 จำนวนผู้ชม : 18210
โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงจัดการแสดงโขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน "กุมภกรรณทดน้ำ" รอบสื่อมวลชน ขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย อุ่นเครื่องให้สื่อมวลชนรับชมเพื่อร่วมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การแสดงโขนสุดยิ่งใหญ่แห่งปี

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

 เมื่อกุมภกรรณยักษ์ที่มีคุณธรรม หลงเชื่อคำยุยงของทศกัณฐ์เพื่อช่วยทศกัณฐ์ในการทำศึกกับพระราม... พบกับเรื่องราวความพิเศษของการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน กุมภกรรณทดน้ำ ที่รวบรวมองค์ความรู้จากครูผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา ทั้งโขน ละคร ดนตรี คีตศิลป์ มารวมกันเพื่อการแสดงที่ยิ่งใหญ่

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

นอกจากการแสดงที่วิจิตรงดงาม ผู้แสดงล้วนเป็นเยาวชนรุ่นใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกและฝึกซ้อมจากครูผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ จนมีฝีมือการร่ายรำอันงดงามถูกต้องตามจารีต นอกจากนี้ยังได้รับฟังการบรรเลงดนตรีและขับร้องเพลงไทยอันไพเราะ และรับชมความวิจิตรของเครื่องแต่งกายอันประณีต พบกับความพิเศษของสุดยอดฉากการแสดงที่ยิ่งใหญ่ตระการตา ของกุมภกรรณทดน้ำเพื่อไม่ให้ไหลไปสู่พลับพลา

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ฉากหนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่ ฉากหนุมานดำลงสู่ใต้น้ำและอีกมากมาย ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อการแสดงโขนที่ยิ่งใหญ่บนเวที โดยมีกำหนดจัดแสดงขึ้นในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เริ่มดำเนินการจัดแสดง ชุดศึกอินทรชิต ตอนพรหมาศ ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2550 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ได้รับความชื่นชมจากประชาชนเป็นอย่างมาก มีพระราชเสาวนีย์ ให้จัดการแสดงโขนต่อเนื่องทุกปี อาทิ ตอนนางลอย ตอนศึกมัยราพณ์ ตอนจองถนน ศึกกุมภกรรณตอนโมกขศักดิ์ ศึกอินทรชิตตอนนาคบาศ ตอนพิเภกสวามิภักดิ์ ตอนสืบมรรคา ตอนสะกดทัพ  ส่งผลให้การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้รับการสนับสนุนและกระแสตอบรับเป็นอย่างดีมีผู้เข้าชมเต็มทุกที่นั่ง 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

สำหรับปี 2566 นี้ นับเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทยอีกวาระหนึ่ง เนื่องในวันที่ 28 กรกฎาคม 2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 71 พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 91 พรรษา มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จึงร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคลนี้ ด้วยการจัดการแสดงโขนตอน “กุมภกรรณทดน้ำ” โดยยึดแนวบทละครเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งเป็นบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จับตอนตั้งแต่ หลังจากที่กุมภกรรณทำศึกโมกขศักดิ์  กับพระลักษมณ์แต่ไม่สำเร็จ ยังไม่สามารถสังหารพระลักษมณ์ได้ จึงคิดหาวิธีทำกลศึก นิมิตกายลงไปใต้น้ำทำพิธีทดน้ำนอนขวางแม่น้ำไว้ เพื่อขัดขวางกองทัพพระราม ผลการต่อสู้และจุดจบของเรื่องราวกุมภกรรณทดน้ำ

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

เรื่องย่อ การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ  ตอน กุมภกรรณทดน้ำ

กุมภกรรณ เป็นโอรสของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เป็นอนุชาถัดจากทศกัณฐ์ เป็นอุปราชกรุงลงกา หน้าสีเขียว ไม่มีมงกุฎ ชายาชื่อจันทวดี มีสนมเอกชื่อคันธมาลี มีหอกโมกขศักดิ์เป็นอาวุธวิเศษ ฝากไว้กับพระพรหมธาดา โดยอุปนิสัยรักความสะอาดและถือสัตย์ซื่อในความยุติธรรม เมื่อทศกัณฐ์ใช้ให้ไปรบกับพระราม ได้กล่าวทัดทานหลายหนและแนะนำให้ส่งนางสีดาคืน ทศกัณฐ์กริ้วเกือบตัดญาติ แต่จำใจเจ็บร้อน ด้วยเป็นพงศ์ยักษ์ด้วยกัน ได้ออกรบถึงสี่ครั้ง พิเภกอาสาออกมาห้ามทัพไม่ให้รบเพราะพระรามคือพระนารายณ์อวตาร

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ครั้งแรก รบกับสุครีพโดยออกอุบายให้สุครีพไปถอนต้นรังใหญ่ที่อุดรทวีป เพื่อให้หมดกำลัง สุครีพไม่รู้ทันในอุบาย ถอนต้นรังมาได้ก็มารบต่อ กุมภกรรณไม่รอให้ทันตั้งตัวรีบโถมออกไปรบ สุครีพเสียท่าถูกกุมภกรรณเอาแขนตวัดหัวสุครีพเข้าหนีบรักแร้คว้าตัวพากลับไปลงกา แต่หนุมานกับองคตตามไปช่วยไว้ได้

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ครั้งที่สอง กุมภกรรณไปขอหอกโมกขศักดิ์ซึ่งฝากไว้กับพระพรหม แล้วไปทำพิธีลับคมที่เชิงเขาพระสุเมรุใกล้ฝั่งแม่น้ำสีทันดร หนุมานแปลงกายเป็นหมาเน่า องคตแปลงกายเป็นกาจิกร่างหมาเน่าเพื่อกระจายกลิ่นอันเหม็นเน่า จนกุมภกรรณเสียพิธีออกรบโดยทำพิธีลับหอกไม่สำเร็จ ครั้งนี้พระลักษมณ์ถูกหอก พิเภกแนะนำวิธีแก้ไขจนพระลักษมณ์ฟื้น

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ครั้งที่สาม กุมภกรรณทดน้ำ หลังจากที่กุมภกรรณพุ่งหอกโมกขศักดิ์สำเร็จแล้วได้กลับมาทูลบอกทศกัณฐ์ ณ ท้องพระโรงกรุงลงกา สองสารัญทูตกองตระเวนเข้ามาทูล บอกว่าฝ่ายพระรามแก้ฟื้นพระลักษมณ์ได้แล้ว กุมภกรรณจึงอาสาไปทดน้ำเพื่อให้กองทัพพระรามอดน้ำตายหมด กุมภกรรณกลับไปที่ตำหนักสั่งความลับกับนางคันธมาลีพระสนมเอกและนางกำนัลคนสนิทให้ปกปิดแหล่งที่ไป แต่สั่งให้นางคันธมาลีและนางกำนัลทั้งสี่มีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชาทุกวัน จากนั้นกุมภกรรณได้ไปที่เชิงเขามรกตเหนือพลับพลาที่ตั้งของกองทัพฝ่ายพระราม กุมภกรรณออกไปจนถึงต้นกร่างใหญ่ริมแม่น้ำ ได้ร่ายเวทวิทยาแล้วลงไปใต้น้ำนอนทดน้ำจนน้ำเหือดแห้งไหลเปลี่ยนทิศทางไปทางอื่น

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

พลวานรฝ่ายพลับพลาพระรามออกมาตักน้ำไปใช้ เห็นน้ำแห้งหายจึงกลับไปบอกนาย สุครีพทูลพระรามถึงเรื่องนี้ พระรามถามพิเภก พิเภกทูลว่าเป็นกลศึกของฝ่ายกรุงลงกาที่ให้กุมภกรรณไปทดน้ำ แต่ไม่รู้แหล่งสถานที่ที่กุมภกรรณไปทำพิธี พระรามใช้ให้หนุมานทหารเอกไปทำลายพิธีเสีย หนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวใหญ่แอบซุ่มไปสืบข่าวจนรู้แน่ว่านางคันธมาลีและนางกำนัลที่สนิทอีกสี่คนมีหน้าที่เก็บดอกไม้ไปบูชา ณ ที่ที่กุมภกรรณทดน้ำ ครั้นถึงเวลาที่นางคันธมาลีและบริวารไปเก็บดอกไม้ สบโอกาสหนุมานที่แปลงเป็นเหยี่ยวโฉบนางกำนัลที่รั้งท้ายไป แล้วตนเองลอบแปลงเป็นนางกำนัลในหมู่ตามนางไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นน้ำวนรู้แหล่งที่แล้วจึงแผลงฤทธิ์ไล่ฝูงนางกำนัลไปหมด หนุมานดำน้ำลงไปเห็นกุมภกรรณนอนร่ายเวทวิทยาขวางลำน้ำ จึงเข้าถีบแล้วต่อสู้กันจนกุมภกรรณเสียพิธีหนีกลับเข้ากรุงลงกา

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้าย กุมภกรรณออกตรวจพลแล้วยกทัพออกมารบกับฝ่ายพระราม กุมภกรรณพร้อมด้วยนนทกาลสูรมหาเสนาผู้เป็นทหารเอก พร้อมเหล่าโยธาพลากร ทั้งสองฝ่ายเมื่อประจันทัพ กุมภกรรณสั่งเสนาออกรบก็แพ้พ่ายนนทกาลสูรเข้ารบกับพญาวานรจนสิ้นชีวิต กุมภกรรณเข้ารบกับพระราม พระลักษมณ์ด้วยความสามารถและฤทธิ์เดช ในที่สุดพระรามแผลงศรพรหมาสตร์ถูกกุมภกรรณแต่ยังไม่สิ้นชีวิต แล้วเห็นพระรามมีสี่กร จึงรู้ตัวว่าประมาทพลาดพลั้งไปไม่เชื่อคำตักเตือนของพิเภกอนุชา กุมภกรรณขอพระราชทานโทษสำนึกผิดและฝากฝังพิเภกกับพระราม พระรามเห็นว่ากุมภกรรณเป็นยักษ์ดีมีคุณธรรม ที่คิดประมาทพลั้งผิดเพราะรักพวกพ้องพงศ์พันธุ์ มิอาจปฏิเสธคำสั่งของทศกัณฐ์ได้ จึงได้พระราชทานอภัยโทษและให้กุมภกรรณได้ขึ้นสวรรค์ตามคำขอกราบบังคมทูลและไม่คิดพยาบาทต่อกัน

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

การแสดงโขนในครั้งนี้ นำการออกศึกของกุมภกรรณในครั้งที่สามและครั้งที่สี่ ซึ่งเป็นศึกสุดท้ายของกุมภกรรณมาจัดแสดง มีจุดประสงค์ให้เห็นถึงความรักสามัคคี ความผูกพันของพี่น้องวงศ์ญาติที่ไม่อาจตัดขาดกันได้ ประกอบกับการให้อภัยไม่จองเวรให้เป็นบาปกรรมสืบต่อกัน ซึ่งคุณธรรมเหล่านี้เป็นหลักคิดที่ควรคงอยู่เป็นแบบอย่างอันดีงามสืบไปในสังคมปัจจุบัน

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ประวัติความเป็นมาของโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ

โขน เดิมคือมหรสพหลวง ใช้แสดงในงานพระราชพิธีสําคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และจะแสดงเฉพาะเรื่องรามเกียรติ์เท่านั้น รามเกียรติ์มีที่มาจากมหากาพย์ของพราหมณ์เรื่อง รามายณะ ซึ่งสันนิษฐานว่า สืบทอดมาแต่สมัยต้นพุทธกาลและเผยแพร่ไปทั่วเอเชีย พระมหากษัตริย์ไทยหลายพระองค์ทรงตระหนักถึงความสําคัญของวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์จึงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นไว้หลายฉบับ ที่แพร่หลายมากคือฉบับพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

โขนเป็นการแสดงชั้นสูง ประกอบด้วยศิลปะหลากหลายแขนงที่ต้องใช้ศิลปินจํานวนมาก อาทิ ผู้แสดงที่ฝึกหัดท่ารําและท่าเต้นลักษณะพิเศษมาเป็นอย่างดี วงดนตรีปี่พาทย์ที่ครบชุด ผู้พากย์และเจรจาตามแบบฉบับโบราณ เครื่องแต่งกายที่ถูกต้องตามลักษณะโขน อีกทั้งยังต้องสร้างเวทีและฉากให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและผู้แสดงนับร้อยอีกด้วย ทําให้การจัดแสดงโขนเป็นเรื่องยาก เยาวชนรุ่นใหม่จึงแทบไม่รู้จักโขน 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงห่วงใยว่า โขนซึ่งเป็นสมบัติทางศิลปวัฒนธรรมอันงดงามของไทยจะเสื่อมสูญไปทั้งที่โขนเคยใช้เป็นการแสดงพระราชทานแก่พระราชอาคันตุกะของบ้านเมืองและเป็นที่ชื่นชมอย่างยิ่งเสมอมา จึงมีพระราชดําริที่จะฟื้นฟูโขนให้กลับคืนสู่ความนิยมของคนไทย โดยมีพระราชเสาวนีย์ให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จัดสร้างเครื่องแต่งกายโขนขึ้นใหม่อย่างประณีตทั้งศิราภรณ์และพัสตราภรณ์ ให้ศึกษาวิธีการแต่งหน้าโขนที่เปิดหน้าให้สวยงามเหมาะสมกับการแสดงบนเวทีสมัยใหม่ และให้ส่งเสริมนักเรียนนักศึกษาผู้ใฝ่ใจในการแสดงโขนให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น พระราชเสาวนีย์นี้จึงก่อให้เกิดช่างฝีมือรุ่นใหม่ขึ้นเป็นจํานวนมาก ทั้งช่างทําหัวโขน ช่างทอผ้า ช่างปักสะดึงกรึงไหม ช่างเงินช่างทอง ช่างแกะสลัก ช่างเขียน และช่างแต่งหน้าโขน ผู้มีความเข้าใจในศิลปะและจารีตนิยมของโขนอย่างถ่องแท้ 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้ดําเนินการรับสนองพระราชเสาวนีย์ดังกล่าวจนลุล่วง และจัดการแสดงโขนถวายเป็นปฐมทัศน์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในมหามงคลวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา เมื่อพุทธศักราช ๒๕๕๐ ในชุด พรหมาศ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจนต้องจัดแสดงซ้ำ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดการแสดงโขนให้ประชาชนชมเป็นประจําทุกปีตลอดมา และเรียกกันโดยความเข้าใจว่า โขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ จนถึงปัจจุบัน 

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

โขนของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้สร้างความผูกพันอันใกล้ชิดขึ้นในครอบครัวไทย คือลูกหลานได้พาปู่ย่าตายายไปชมโขนอย่างเนืองแน่น นับเป็นการแสดงที่มีผู้ชมทุกเพศทุกวัยอย่างแท้จริง บัตรชมโขนขายหมดอย่างรวดเร็วทุกครั้ง และมีเสียงเรียกร้องให้จัดการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ สืบเนื่องต่อไปอย่างไม่ขาดสาย

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ปรากฏการณ์เหล่านี้คือเครื่องพิสูจน์ว่า โขนได้กลับคืนสู่ความนิยมของคนไทยแล้ว สมดังพระราชดําริของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และศิลปะการแสดงโขนพร้อมทั้งช่างฝีมือโขนทุกประเภท จักได้รับการสืบทอดให้ยืนยงคงอยู่เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันงดงามของชาติไทยไปจนชั่วลูกชั่วหลาน

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

ติดตามรับชมได้ในการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน "กุมภกรรณทดน้ำ” จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 พฤศจิกายน - วันที่ 5 ธันวาคม 2566 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บัตรราคา 2,000 บาท1,800 บาท 1,000 บาท 800 บาท  และ 600 บาท (รอบนักเรียน ราคา 180 บาท) เปิดจำหน่ายบัตรแล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา โทร. 0-2262-3456

โขนมูลนิธิศิลปาชีพฯ ตอน

#โขนมูลนิธิศิลปาชีพตอนกุมภกรรณทดน้ำ #กุมภกรรณทดน้ำ #โขนกุมภกรรณทดน้ำ

tags: ท่องเที่ยวไทย, จำนวนผู้ชม : 18210

© www.bloggertravelista.com 2018