Travelista นักเดินทาง

"365 วันของฉันคือการเดินทาง"
นักข่าว-บล็อกเกอร์-นักเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค-โค๊ชออนไลน์

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

tags: ท่องเที่ยวไทย, เขียนเมื่อ : 25 ธันวาคม 2566 16:39:47 จำนวนผู้ชม : 9900
8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

การท่องเที่ยวไทยกำลังก้าวสู่นิยามใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม เพราะไม่ใช่เพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นภาคธุรกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศเป็นอันดับหนึ่ง หากแต่ในระยะยาวจะเป็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน ท่ามกลางการสร้างความสมดุลให้กับสังคม สิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป

การท่องเที่ยวด้วยแนวคิดต่างๆ จึงเกิดขึ้น และเป็น 8 เทรนด์ของการท่องเที่ยวที่มาแรงในปี 2567 ได้แก่

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

1 ท่องเที่ยวสายบุญและสายมู ปัจจุบันเป็นการท่องเที่ยวกระแสที่ยังมาแรง นอกจากการทัวร์ไหว้พระ ทัวร์เดินทางสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การทำบุญในสถานที่ต่างๆ เทศกาลงานบุญเช่น กินเจ บุญบั้งไฟ แห่เทียนพรรษา งานชักพระ ฯลฯ ประเทศไทยยังมีการท่องเที่ยวสายมูเตลู การท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณดังตัวอย่างเช่น การบูมของ “จตุคามรามเทพ” กระแสไหว้ “ไอ้ไข่” วัดเจดีย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหว้ “พ่อปู่-ย่า พญานาค” แห่ง “คำชะโนด” จังหวัดอุดรธานี “ท้าวเวสสุวรรณ” วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม และการท่องเที่ยวแบบนี้ยังคงเป็นกระแสแรงดีไม่มีตก

2 การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutral Tourism) โดยมุ่งเน้นกระบวนการตามแนวคิด “ปรับ – ลด – ชดเชย” เพื่อเปลี่ยนให้กิจกรรมท่องเที่ยวแบบปกติ ไปสู่กิจกรรมท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ และพัฒนาไปสู่การท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เสมือนไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือเรียกได้ว่าเป็นการท่องเที่ยวที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแบบเข้มข้น ปัจจุบันมีบริษัทตัวกลางในการจัดหา “คาร์บอนเครดิต” ซึ่งได้มาจากกิจกรรมฟื้นฟู และสร้างแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจกในชุมชนต่างๆ ตลอดจนการปลูกป่า ทำให้เกิดการท่องเที่ยวแบบโลว์คาร์บอน ซีโร่คาร์บอน และคาร์บอนนิวทรัล เกิดขึ้นแล้วในเมืองไทย ทั้งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเฉพาะจากยุโรป ต้องการพักในสถานที่ที่มีการบริหารการจัดการอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อโลก มีความตระหนักต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นักท่องเที่ยวยุคนี้ตระหนักถึงธรรมชาติ ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พร้อมเรียนรู้วิถีชุมชนอย่างเข้าใจมากขึ้น

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

3 เที่ยวเช็คอิน เน้นแชร์โซเชี่ยล ในโลกยุคใหม่ นักเดินทางรุ่นใหม่ นิยมพักในสถานที่พักแบบหลากหลายมากขึ้น ตามกำลังงบประมาณของแต่ละคน โดยผู้คนจำนวนมากเน้นการท่องเที่ยวแบบเก็บแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด มีแผนการเดินทางอัดแน่น ในระยะเวลาสั้นๆ แบบชะโงกทัวร์ หรืออัดแน่นด้วยกิจกรรมมากมาย สะท้อนแนวคิด Less is More หรือ “เรียบง่ายแต่ได้มาก” ทำแต้มปริมาณสถานที่เที่ยว มากกว่าจะเน้นใช้จ่ายเงิน จนกลายเป็นเทรนด์การเที่ยวแบบกองกำลังพิเศษ (Special Forces-Style Travel) โดยจะเน้นเที่ยวแล้วโพสรูปตามช่องทางโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ของตนเอง มีการปักหมุด ติดแฮชแทก หรือเที่ยวตามรอยสิ่งที่จะเกิดขึ้นปีละครั้ง เพื่อเป็นผู้นำเทรนด์การแชร์สนั่นโซเชี่ยล เช่น เที่ยวตามรอยดอกซากุระบาน ทุ่งทานตะวันบาน ดอกบัวตองบาน ฯลฯ มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว นิยมการท่องเที่ยวแบบนี้

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

4 เที่ยวไปในแพลทฟอร์ม (เที่ยวทิพย์) การเดินทางท่องเที่ยวในหลายประเทศอาจเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่ในความเป็นจริง อาจติดขัดหลายประการ ทั้งเรื่องเวลา การทำงาน กำลังทรัพย์ และอื่นๆ หากแต่มีแพลทฟอร์มจำนวนมากเกิดขึ้น ทำให้เราสามารถติดตามได้เสมือนการไปท่องเที่ยวจริง ทั้งยังมี Virtual Tourism ที่ใช้เทคโนโลยีทั้ง Augmented Reality (AR) , Virtual Reality (VR) และ Mix Reality (MR) ที่ย่อโลกทั้งใบให้เราได้เที่ยวในพริบตา

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

5 เที่ยวสัมผัสประสบการณ์ใหม่ แปลกและแตกต่าง การท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์ใหม่ๆกับนักท่องเที่ยวนั้น ได้รับความสนใจเป็นอย่างสูง เพราะนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเบื่อการท่องเที่ยวที่จำเจแบบเดิมๆ แต่ต้องการท่องเที่ยวแบบแปลกใหม่บ้าง ตัวอย่างเช่น การรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำขบวนรถ KIHA 183 มาใช้เป็นรถไฟนำเที่ยว ซึ่ง KIHA 183 เป็นรถไฟปลดประจำการที่ญี่ปุ่น รฟท.นำมาปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง และนำมาวิ่งท่องเที่ยวในเส้นทางต่างๆทั่วประเทศไทย โดยคงกิมมิคบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นสอดแทรกเข้าไป ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก หรือการที่วัดอรุณราชวรารามในกรุงเทพฯ และวัดไชยวัฒนารามที่อยุธยา ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวแต่งกายย้อนยุคแบบไทยๆ เดินเที่ยวในวัด ได้สร้างปรากฎการณ์กระแสการตอบรับอย่างดีมากเช่นกัน หรือจะเป็นที่พักแบบโดมบับเบิ้ลใส ก็เป็นอีกเทรนด์ใหม่ ทำให้หลายคนอยากลองพักในที่พักแบบนี้สักครั้งในชีวิต

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

6 เที่ยวตาม KOL (Key opinion leaders) และภาพยนตร์ต่างๆ เหล่า KOL หรือผู้ที่มีอิทธิพลทางความคิด และผู้สร้าง Content ต่างๆ เช่น บล็อกเกอร์ Influencer นักแสดง นักร้อง นักกีฬา Youtuber Tiktoker ก็ทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยวตามรอย KOL ได้มากเช่นกัน เช่น ลิซ่า Blackpink ไปเที่ยว 3 วัดในอยุธยา ก็ทำให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอย หรือลิซ่าโพสว่าชื่นชอบลูกชิ้นยืนกินของบุรีรัมย์ ก็ทำให้ลูกชิ้นบุรีรัมย์ขายดีมาก

รวมถึงการตามรอยหนังและละครดัง เช่นตามรอยนาคี ไปที่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามรอยบุพเพสันนิวาสไปที่วัดไชยวัฒนาราม ตามรอยกลิ่นกาสะลองไปที่ประตูท่าแพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นต้น

8 เทรนด์การท่องเที่ยวมาแรงในปี 2567

7 เที่ยวไทยให้ถึงรส (Gastronomy Tourism) นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวชิมอาหาร ทุกภูมิภาคทั่วไทยต่างมีเอกลักษณ์ของตนเองในเรื่องอาหาร นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาเมืองไทย เพราะอยากชิมอาหารในย่านเยาวราช ข้าวซอยเชียงใหม่ หอยนางรมสุราษฎร์ กุ้งเผาอยุธยา นี่เป็นเพียงตัวอย่าง ทำให้ทุกคนได้รู้จักเมืองไทยในมุมมองใหม่ ผ่านเรื่องราวของวัตถุดิบท้องถิ่นและวิถีการกินแบบไทยๆ วัตถุดิบอาหารทั่วไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก มีประโยชน์และมีคุณค่าอยู่ในตัวเอง อาหารไทยหลายอย่างมีสรรพคุณทางยา อาหารไทยจึงกลายเป็นสินค่าสำคัญของภาคการท่องเที่ยว

กระแสการเดินทางเช็คอิน ชิมอาหารตามร้านดังทั่วไทย  และชิมกาแฟตามร้านต่างๆ เปลี่ยนร้านอาหารเหล่านั้นและคาเฟ่ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ที่ไม่ควรพลาดการแวะชิมสักครั้งในชีวิต

8 ท่องเที่ยวย้อนวันวาน ย้อนนึกถึงอดีต (Nostalgia Tourism) ผู้คนในยุคปัจจุบัน นึกถึงการท่องเที่ยวในอดีต อยากย้อนประสบการณ์ “วันชื่นคืนสุข” ทำให้กระแสการเดินทางท่องเที่ยวแบบ Nostalgia Tourism ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เกิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สร้างเรื่องราวจากอดีต ทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม หรือวิถีชีวิต ตลาดบก ตลาดน้ำ วัฒนธรรมไทยๆ เที่ยวชถมชนและย่านเก่าๆ เมืองโบราณ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และไม่ว่าเทคโนโลยีหรือเมืองไทยจะก้าวล้ำไปเพียงใด แต่การท่องเที่ยวแบบนี้ยังคงมีอยู่ไม่เสื่อมคลาย

เรื่องและภาพโดย สาธิตา โสรัสสะ บล็อกเกอร์ Travelista นักเดินทาง , นักข่าวที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวกว่า 35 ปี ,ผลงานเขียนพ็อคเก็ตบุ๊คท่องเที่ยว 33 เล่ม

tags: ท่องเที่ยวไทย, จำนวนผู้ชม : 9900

© www.bloggertravelista.com 2018