“ลาว” คือประเทศที่มาแรงในการเปิดประชาคมอาเซียน (เออีซี) เพราะลาวมีธรรมชาติที่งดงาม เป็นเมืองเงียบสงบ งดงามด้วยวัฒนธรรมและธรรมชาติ เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทริปนี้เราได้รับเชิญจากเอสซีจี ธุรกิจก่อสร้างระดับแนวหน้าของไทย ไปในโครงการ SCG Sharing the Dreamปีที่ 4 เพื่อมอบทุนการศึกษาให้เยาวชนของลาว
ก่อนอื่นขอแวะท่องเที่ยวตามแหล่งที่น่าสนใจของลาวก่อน เราเดินทางโดยบางกอกแอร์เวย์สไปยังสนามบินวัดไต อินเตอร์เนชั่นแนล แอร์พอร์ต สู่นครเวียงจันทน์ซึ่งก็สะดวกสบายมาก สนามบินกว้างขวาง ปัจจุบันลาวมีสนามบินนานาชาติ 4 สนาม คือวัดไต หลวงพระบาง ปากเซ สุวรรณเขต และยังมีสนามบินในประเทศอีกหลายแห่ง
จากนั้นเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยรถตู้ ซึ่งรถตู้ของลาวนั้น ขอบอกว่าดีมาก เพราะแทบทุกคันมีฟรีไวไฟ และมีเคาน์เตอร์เล็กๆบริการไวน์แก่ลูกค้าด้วย
เราไปเที่ยวที่พระธาตุหลวง แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาที่สวยงามมาก เหลืองทองอร่ามไปทั้งวัด ตามตำนานเล่าว่า มีพระภิกษุลาวจำนวน 5 รูป เดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดีย แล้วนำพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนที่เป็นหน้าอก) มาไว้ที่เวียงจันทน์ จึงมีการสร้างพระธาตุขึ้นมาเพื่อบรรจุพระอุรังคธาตุไว้สำหรับกราบไหว้บูชา
สถานที่แห่งนี้ถือว่าเป็นปูชนียสถานที่มีคุณค่าทางจิตใจต่อคนลาวมากที่สุดก็ว่าได้ เสมือนเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ แม้ลาวจะมีพระธาตุจำนวนมาก แต่นี่คือพระธาตุที่สำคัญที่สุดของประเทศแล้วก็ว่าได้
จากนั้นไปวัดศรีสะเกษ เป็นเสมือนดั่งวัดและพิพิธภัณฑ์ในเวลาเดียวกัน ซึ่งที่นี่เก็บรวบรวมพระพุทธรูปอยู่เป็นจำนวนมาก หลายแบบหลายปาง ว่ากันว่ามีจำนวนพระพุทธรูปอยู่มากถึงราว 16,000 องค์เลยทีเดียว มีตั้งแต่สูงไม่กี่เซ็นติเมตร จนไปถึงองค์ที่สูงมากกว่า 2 เมตรเลย
หลายๆองค์มีอายุยาวนานมากหลายร้อยปี และผ่านช่วงสงครามในลาวมา ไกด์เล่าว่า พระหลายองค์จะไม่มีลูกตา เพราะถูกนำออกไปช่วงมีสงคราม อาจจะนำไปเพื่อการค้าหรืออะไรก็ไม่ทราบแน่ชัด อย่างไรก็ตามทุกองค์ก็มีความงดงามมากทีเดียว
อีกวัดหนึ่งคือวัดองค์ตื๊อวรวิหาร หลายคนบอกว่า วัดนี้ศักดิ์สิทธิ์และขอพรได้สัมฤทธิ์ พวกเราไปเคารพพระศพสมเด็จพระสังฆราช ดร.มหาผ่อง ปิยะทีโร พระสังฆราชลาวรูปที่ 4 ที่วัดนี้ เพิ่งละสังขารได้เพียง 2 เดือนด้วย สิริอายุรวม 100 ปี 6 เดือน 81 พรรษา ท่านเป็นคนไทยโดยชาติกำเนิด เป็นชาวอุบลราชธานี แต่ตามพ่อแม่ไปอยู่ที่จำปาสักตั้งแต่เด็กๆ
เราได้ตักบาตรข้าวเหนียวกันด้วยตามธรรมเนียมลาว ต้องขอบคุณ SCG ที่จัดหาผ้าถุงเข้าชุดกับผ้าเบี่ยง นุ่งกันทุกคนคนละสีแล้วดูเป็นสาวลาวกันเลยทีเดียว การใส่บาตรที่เวียงจันทน์นั้นเวลาจะค่อนข้างเช้ามาก ไม่เหมือนกับที่เคยไปใส่บาตรที่หลวงพระบาง ซึ่งจะสายกว่าใส่ตอน 6 โมง แต่ที่เวียงจันทน์นี้พระท่านบิณฑบาตตั้งแต่ตี 5.15
ที่เที่ยวอื่นๆที่เราได้ไปคือประตูชัย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของเวียงจันทน์ เราไปในช่วงการเฉลิมฉลองการก่อตั้งสปป.ลาวครบ 40 ปี เลยมีการเฉลิมฉลองแทบทั้งเมือง โดยเฉพาะที่ประตูชัยจะมีการประดับไฟอย่างสวยงาม ประตูชัยจะถูกล้อมรอบด้วยสวนสวย, น้ำพุและดอกไม้ที่ถูกตกแต่ง สามารถขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อดูวิวของบริเวณรอบๆได้
ใกล้ๆประตูชัยมีห้องว่าการรัฐบาล คำภาษาลาวนั้นฟังแล้วน่ารัก เขาเรียกอะไรไม่เหมือนเรา บางทีก็อ่านได้ บางทีก็อ่านไม่ออกต้องถามไกด์
สถานที่สำคัญอีกแห่งคือทำ
เนียบประธานประเทศหรือหอคำ ปัจจุบันมีนายจูมมาลี ไซยะสอน ประธานประเทศ ไม่ได้เปิดให้เข้าชม แต่นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายภาพจากบริเวณรั้วด้านหน้าได้ เป็นตึกใหญ่โตโอ่อ่า สมฐานะกับเป็นทำเนียบของผู้นำเลยทีเดียว
จากเวียงจันทน์ เราไปเที่ยวเขื่อนน้ำงึม ตั้งอยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2515 เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ เขื่อนน้ำงึมแห่งนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ในปริมาณที่มากพอสำหรับใช้ในนครเวียงจันทน์ และยังมีเหลือพอส่งออกมาขายทางฝั่งไทยด้วย เรานั่งแพอาหารล่องไปเรื่อยๆ
ภายในเขื่อนน้ำงึมมีเกาะเล็กเกาะน้อยกระจัดกระจายอยู่หลายร้อยเกาะ ไกด์เล่าว่า เกาะที่อยู่ไกลๆบางเกาะเป็นที่คุมขังนักโทษด้วย ก็จะหนีอย่างไรได้ เหมือนอยู่กลางทะเลสาบ เราล่องไปเรื่อยๆมีวิวภูเขาด้านหลังงดงามมาก มองแล้วเหมือนภูป่าเปาะ หรือฟูจิเมืองเลยมาก
เราพักที่ไอบิส เวียงจันทน์ โรงแรมเล็กๆ แต่สะดวกสบายพร้อมพรั่ง อาหารเช้าก็มีหลากหลายดี ส่วนร้านอื่นๆก็ไปเดินเล่นชม ร้านอาหาร ขอบใจเด้อ บรรยากาศสวยงาม อาหารหลากหลายสัญชาติ ไทย จีน ลาว ฝรั่ง ร้านอาหาร เฝอแซ่บ ก๋วยเตี๋ยวเวียดนามรสชาติดีที่ดังมากๆ ร้านอาหาร Mix น้ำพุ อาหารพื้นเมือง บรรยากาศดี มีวงดนตรีเล่น ร้านกาแฟ และขนม Joma Coffee & Bakery ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ไปชิมที่หลวงพระบางมาแล้ว
ร้านครัวลาวกับตึกเก่าสไตล์โคโรเนียล เป็นดินเนอร์มื้อค่ำพร้อมการแสดงทางวัฒนธรรม ร้านกาแฟข้าวจี่คาเฟ่ กับตึกสวยๆอีกแห่ง และร้านปารีเซียง ขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส มีหอไอเฟลจำลองที่หน้าร้าน
มาเข้าถึงงานที่เชิญเราไปในทริปนี้ โครงการ“SCG Sharing the Dream”ปีที่ 4 ใน สปป. ลาว SCG มอบทุนการศึกษา230 ทุน เพื่อพัฒนาโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนที่เป็นคนเก่งและดี สร้างความยั่งยืนให้กับภูมิภาคอาเซียน
คุณอารีย์ ชวลิตชีวินกุล Vice President-Regional Business,เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า โครงการSCG Sharing the Dream ทั่วอาเซียน เป็นอีกความทุ่มเทเพื่อมุ่งพัฒนาให้เยาวชนได้มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี สามารถทำฝันของตนเองให้เป็นจริง และเป็นกำลังหลักของสังคมในวันข้างหน้า สปป ลาว เป็นประเทศในอาเซียนที่เอสซีจีเข้ามาดำเนินธุรกิจ และมุ่งหวังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ จึงสานต่อโครงการนี้ในปีที่สี่ด้วยมอบทุนการศึกษารวม 230 ทุน สำหรับนครหลวงเวียงจันทร์จำนวน150 ทุน และ สำหรับแขวงคำม่วนจำนวน 80 ทุน เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 30 ทุน
โครงการSCG Sharing the Dreamดำเนินการที่ สปป. ลาว ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 โดยร่วมกับ สมาคมร่วมน้ำใจกับเด็กน้อยลาว (Action with Lao Children)รับสมัครนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5-7 จากโรงเรียนรัฐบาลทั่วนครหลวงเวียงจันทร์ และแขวงคำม่วน เพื่อคัดสรรเยาวชนคนดี มีความกตัญญู และมุ่งมั่นสร้างฝันด้านการศึกษา โดยมีคณะกรรมการคัดเลือกอันประกอบไปด้วย แผนกการศึกษาและกีฬานครหลวงเวียงจันทน์ แผนกการศึกษาและกีฬาแขวงคำม่วน ฝ่ายวิชาการแขนงมัธยมหัวหน้าศูนย์พัฒนาการศึกษาสำหรับเด็ก และพนักงานเอสซีจี
(รักษาการท่านเอกอัตรราชทูตไทยณนครเวียงจันทน์ คนกลาง คุณรุจิกร)
ภายในงานมอบทุนการศึกษาSCG Sharing the Dreamปีที่ 4 เอสซีจียังได้รับเกียรติจาก ท่านนางแสงเดือน หล้าจันทรบูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและกีฬา และ ท่านนาง รุจิกร แสงจันทร์ (Rujikorn Sangchan)อัครราชทูตที่ปรึกษาไทยประจำ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ร่วมมอบในพิธีการอีกด้วย
เอสซีจีเริ่มดำเนินการใน สปป.ลาว ตั้งแต่ปี 2003 ดำเนินงานภายใต้ 5 บริษัท คือKhammouane Cement (KCL), SCG Trading Lao, CPAC Lao, SCG Logistic Management LaoและLao Premium Roof Tile เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายปูนชีเมนต์ สินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจรสำหรับทุกความต้องการของผู้บริโภค ภายใต้แบรนด์SCG, กาซ้าง และ COTTO อาทิ สินค้ากลุ่มหลังคา ฝ้า ผนัง และเพดาน กระเบื้องเซรามิก ฉนวนกันความร้อน สุขภัณฑ์ ก็อกน้ำ และ คอนกรีตผสมเสร็จ
จบทริปลาวจนกว่าจะพบกันใหม่ค่ะ