Travelista นักเดินทาง

"365 วันของฉันคือการเดินทาง"
นักข่าว-บล็อกเกอร์-นักเขียนพ็อคเก็ตบุ๊ค-โค๊ชออนไลน์

สุดยอดขาวใส “โบราไกย์” แชมป์เกาะดีที่สุดในโลก

tags: ท่องเที่ยวต่างประเทศ, เขียนเมื่อ : 08 มีนาคม 2561 00:11:05 จำนวนผู้ชม : 1513
สุดยอดขาวใส “โบราไกย์” แชมป์เกาะดีที่สุดในโลก

 เคยอ่านพบจากหนังสือเล่มหนึ่งว่า  เกาะโบราไกย์ในฟิลิปปินส์ (ภาษาอังกฤษเขียนว่า Boracay แต่คนฟิลิปปินส์เรียกโบราไกย์) ได้รับรางวัลจากการโหวตขององค์กรด้านการท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยเฉพาะการคว้าแชมป์“เกาะที่ดีที่สุดในโลก ปี 2012” จากนิตยสาร “ทราเวล แอนด์ เลเชอร์” ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกต่างก็อยากไปเยือนเกาะนี้

 

กระแสความแรงในระยะ 2-3 ปีมานี้ ทำให้โบราไกย์มีเที่ยวบินเปิดไปมากมาย แม้กระทั่งสายการบินโลว์คอสท์แอร์ไลน์อย่างแอร์เอเชียก็เปิดบินไปด้วย

นั่นทำให้ Travelista นักข่าวสายท่องเที่ยว ผู้ไม่เคยหยุดยั้งการเดินทาง ต้องขอตามรอยเกาะสวรรค์แห่งนี้ไปให้เห็นสักครั้งว่า ความขาว ใส ที่เขาลือกันนักต่อนักเป็นจริงหรือไม่ โบรา”(Bora)เป็นภาษาตากาล็อกแปลว่า “สีขาว” หรือ “นุ่น” โบราไกย์จึงหมายถึง“หาดทรายขาว”หรือ“หาดทรายนุ่น”

 

 

   เกาะโบราไกย์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลาราว 315 กม. ตัวเกาะตั้งอยู่ในจังหวัดอากลัน(Aklan) แห่ง“เกาะปาไนย์”(Panay)

 

   

  นี่ไม่ใช่การเดินทางไปฟิลิปปินส์ครั้งแรก แต่เคยไปมะนิลาเมื่อนานมากๆมาแล้ว จนแทบไม่มีเมโมรี่เกี่ยวกับประเทศนี้หลงเหลืออยู่ จึงต้องค้นๆข้อมูลว่าจะไปอย่างไร นักเดินทางหญิงผู้โดดเดี่ยวอย่างเรา ต้องสืบค้นว่าจะไปได้อย่างไรให้ปลอดภัย สะดวกสบาย พักอย่างไรดี

 

       

     หลังจากศึกษาเรียบร้อยก็ต้องนี่เลย ไปด้วยสายการบินเซบู แปซิฟิค โลว์คอสท์แอร์ไลน์ของฟิลิปปินส์ นั่ง 2 ต่อ ทอดแรกจากกรุงเทพฯสู่มะนิลา แล้วทอดที่ 2 จากมะนิลาสู่ Caticlan ซึ่งเป็นสนามบินที่อยู่ติดเกาะโบราไกย์เลย หรือหากใครอยากไปแอร์เอเชียก็จะลงที่สนามบิน Kalibo ซึ่งต้องนั่งรถมาที่ท่าเรือของเกาะอีกประมาณชั่วโมงครึ่ง แต่จะไปสายไหนหากเป็นโลว์คอสท์ แอร์ไลน์ ควรจองล่วงหน้านานๆจะถูกมากๆ

 

เราก็เลยตัดสินใจมาแบบถึงที่เลยดีกว่า ส่วนโรงแรมที่พักหลังจากเลือกไปมาตัดสินใจเลือก รีเจนซี โบราไกย์เพราะอยู่ติดทะเลและอยู่ในทำเลหาดสวย ทะเลสวย เป็นย่านการค้าไม่ดูเปล่าเปลี่ยว

 

         

   หลังจากนั้นออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งตรงสู่มะนิลา รอต่อเครื่องพอประมาณ แล้วก็จะถึงสนามบินปลายทาง เป็นสนามบินแบบอยู่ในเกาะ ผู้โดยสารยุโรปมาเต็มลำกันเลยทีเดียว เมื่อมาถึงเข้าห้องน้ำ ก็เห็นสาวฟิลิปปินส์ร้องเพลงฝรั่งในห้องน้ำ เสียงเธอเพราะมากๆ มิน่าเล่าผู้คนที่นี่เป็นนักร้อง นักดนตรีในสายเลือดกันเลยทีเดียว

 

 

   

เมื่อลงที่สนามบิน Caticlan ที่นั่นจะมีเคาน์เตอร์ของสนามบิน ซึ่งเขาจะสอบถามว่า จะให้ไปส่งที่โรงแรมหรือไม่ ซึ่งจะต้องนั่งรถท้องถิ่นสั้นๆ แล้วต่อเรือโดยสารไปที่เกาะ หลังจากนั้นก็นั่งรถแบบสองแถวบ้านเราอีกทอดหนึ่ง  ตอบตกลง หลังจากนั้นก็ออกเดินทางสู่เกาะ ตกคนละ 600 บาท หากคิดเป็นเงินไทย ที่นั่นเขาใช้สกุลเปโซ เมื่อจะเดินทาง หากไปแลกที่ซูเปอร์ริชก็จะได้เรทราคาดีหน่อย เรทตอนนี้ก็ราวๆ 80 บาทไทยแลกได้ 100 เปโซ

 

 

   ว้าว มาเจอเรือโดยสารของฟิลิปปินส์ หน้าตา แปลก เขาเรียกว่า “เรือบังก้า” หรือเรือขาแมงมุม เพราะฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เป็นเกาะ คลื่นลมแรง  มาก มีมรสุมตลอด ขาแบบแมงมุมนี้จะช่วยพยุงไม่ให้เรือโคลงเคลง แต่ก็กินพื้นที่ยื่นยาวไปในทะเล  คนฟิลิปปินส์ก็บังคับเรือดีมาก ไม่มีชนกัน เราเห็นเรือทุกประเภทมีขาหมด หน้าตาน่ารักดี ขอบมากๆ

        

    เดินทางด้วยเรือโดยสารราวครึ่งชั่วโมง ก็มาต่อรถท้องถิ่นอีกราว 15 นาทีก็ถึงโรงแรมที่พัก รีเจนซี โบราไกย์ ติดทะเลสวยงาม เป็นโรงแรม ระดับ 4-5 ดาวเลยทีเดียว จองผ่านอโกด้าตกราวคืนละ 3 พันบาทนิดๆถือว่าไม่แพง ห้องติดทะเลเลย เดินลงไปคือหน้าหาด สะดวกมากๆ และอยู่ในจุดที่คึกคักคือไวท์ บีช ในสเตชั่นที่ 2

           

   เนื่องจากเดินทางมาช่วงดึกๆแล้วก็มารอต่อเครื่องอีก เลยนอนมาน้อย ขอพักผ่อนหลับยาวตอนกลางวันเสีย 4 ชั่วโมง ตื่นมาก็ถึงเวลาค่ำพอดี เดินเล่นตามชายหาด ผู้คนคึกคักมาก มีของขายมากมายแบบไนท์ มาร์เก็ตย่อมๆ มีการแสดงโชว์ควงไฟ ฝรั่งเดินเล่นกันมากมาย มื้อค่ำในวันแรกขอทานอาหารซีฟู้ด บุฟเฟ่ต์ของโรงแรมที่ติดทะเล ราคาไม่แพง มีอาหารอร่อยมากมาย

 

       หนึ่งในนั้นคือสาหร่ายองุ่นทะเล เคยเห็นมีขายที่กรุงเทพฯราคาแพงมาก แต่ที่นี่จะตักแค่ไหนก็ได้ เพราะเป็นสาหร่ายพื้นเมืองที่นี่เลย เช้าๆเราเดินเล่นริมทะเล ก็เห็นสาหร่ายแบบนี้ลอยมาติดชายหาด สักพักก็ถูกแดดเผาแห้งเหี่ยวหมด เขาว่ามีสรรพคุณทางการบำรุงผิว ก็น่าจะจริง เพราะเป็นสาหร่ายที่อมน้ำ เค็มนิดๆแต่อร่อยเลย

 

    ตื่นเช้าอีกวันก็ไปชมหาด สวยมากๆ ทรายขาวจั๊วะ น้ำทะเลใสแจ๋ว คนเดินเต็มหาดเลย ตั้งแต่เคยไปหลายๆหาดในโลกนี้มา รู้สึกที่นี่จะมีคนเยอะที่สุดแล้ว เคยเจออีกที่คือไมอามี่ ที่สหรัฐ คนก็เดินเต็มหาดแบบนี้เลย

        

 

ที่นี่มีเรือใบแล่นมากมาย และมีกีฬาทางน้ำ padding board คนนิยมเล่นกันเต็มเลย เป็นการยื่นบนกระดานแล้วถ่อไปเรื่อยๆ คนว่ายน้ำเยอะแยะ  ทั้งที่แดดเปรี้ยงเลย แต่ดูแล้วคนไทยยังไปน้อยมาก

 

 

ถึงเวลาเดินสำรวจเกาะกันแล้ว  โบราไกย์เป็นเกาะไม่ใหญ่ มีพื้นที่ 1,083 เฮคตาร์ หรือประมาณ 10 ตารางกิโลเมตรกว่าๆ มีความยาวประมาณ 7 กม. มีส่วนที่แคบที่สุดราว 1 กม. เกาะโบราไกย์แบ่งเป็น 3 เขตหลัก(ตำบล) คือ มานก มานก(Manoc) , มาลาบัจ(Malabag) และ ยาปั๊ก(Yapak)

 

 

    ที่พักของเราอยู่ ณ หาดไวท์ บีช ในสเตชั่นที่ 2 เราเดินย้อนขึ้นไปที่สเตชั่นที่ 1 เพื่อเดินไล่ลงมาเรื่อยๆ  ในแนวยาว 4กม.ของไวท์ บีช มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 โซนด้วยกัน คือ สเตชั่น(Station) 1,2 และ 3 ไล่มาจากด้านเหนือสู่ใต้   

 

 

   ณ สเตชั่น 1 มีแนวชายหาดกว้างมากๆ เราเดินไปชม “วิลลี่ ร็อก”(Willy’s Rock) กองหินที่โผล่ขึ้นมาริมชายหาด ชาวฟิลิปปินส์เชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธ์ มีการสร้างรูปปั้นพระแม่มารีอยู่บนกองหิน ผู้คนก็จะขึ้นไปสักการะ นักท่องเที่ยวก็ถ่ายรูปมากมาย

ที่สเตชั่น 1 โรงแรมรีสอร์ทส่วนใหญ่ จะเป็นระดับราคาแพง บางแห่งเป็นเชนต่างประเทศ เช่นเห็นมี เชนแอสโตเรีย แบรนด์สุดหรูด้วย

 

        

เราเดินผ่านร้านต่างๆ แวะสตาร์บัค ซื้อเครื่องดื่มคลายร้อน หลังจากนั้นกลับเข้ามาในสเตชั่นที่ 2 อีกครั้ง แวะผ่านดีมอลล์ โซนร้านค้าเล็กๆที่รวมตัวกันเปิดเป็นโซนช้อปปิ้ง มีสินค้าและอาหารมากมาย เดินเล่นช้อปปิ้งกันเล็กน้อย

 

 

เราแวะทานอาหารไทยที่ร้านไทย เบสิล (Thai Basil) รสชาติพอใช้ได้ สอบถามเลยรู้ว่าเชฟเป็นคนไทย ทานต้มยำกุ้ง ลาบหมู พอเวลาคิดเงิน ใส่ใบเก็บเงินมาในขันน่ารักมากๆ พอดีนัดเพื่อนฟิลิปปินส์ให้มาเจอที่นี่ก็เลยมีเพื่อนทานข้าวด้วย

สเตชั่น 2 เป็นโซนแห่งสีสันและคึกคัก เป็นย่านร้านค้า แหล่งเดินช้อปปิ้งที่ราคาไม่แพง และมีร้านอาหารหลากหลาย กลางคืนจะเป็นผับ บาร์เบียร์ และมีการแสดงดนตรีสดๆให้ชม

 

 

           

 มาถึงแถวหน้าที่พักอีกครั้ง นี่คือโซน “ไวท์ บีช”  หรือ “หาดทรายขาว”  ขอนั่งเล่นพักผ่อนแถวหน้าโรงแรม นอนบนเตียงชายหาดมองทะเลไปเรื่อยๆ สมแล้วที่ไวท์ บีช เป็นหาดดัง คว้ารางวัลชายหาดยอดเยี่ยมระดับโลกมามากมาย เพราะหาดทรายขาวละเอียดนุ่ม น้ำทะเลสวยใสไล่จากโทนฟ้าอ่อนของน้ำตื้นไปสู่ฟ้าเข้มของทะเลลึก เชื่อแล้วว่าใครๆมาก็ต้องหลงรักไวท์บีชของโบราไกย์

 

 

นอนมองทะเลไปเรื่อยๆ จนถึงบ่ายๆเด็กๆก็จะมาก่อกองทรายเป็นรูปสัญลักษณ์ของโบราไกย์ เราต้องขอแวะไปถ่ายรูปด้วย เพื่อให้เห็นว่ามาถึงแล้ว ให้เด็กๆชาวฟิลิปปินส์ช่วยถ่ายรูปให้  เดินต่อไปที่สเตชั่น 3 อีกนิด เพื่อให้ครบทุกหาด ก็พบว่าหน้าหาดค่อนข้างแคบ ที่พักเป็นแบบรับนักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กเกอร์

 

 

   รอชมพระอาทิตย์ตกน้ำทะเลตอนเย็น สวยมากๆ คนยิ่งแน่นมากไปอีก เพราะแดดไม่ร้อนแล้ว เวลาเดินไปไหน พ่อค้าแม่ค้าชาวฟิลิปปินส์ มักจะแวะมาทักด้วยภาษาตากาล็อกที่ชายหาด เพราะคิดว่าเราเป็นคนฟิลิปปินส์ แหมก็หน้าตาเหมือนกันยังกับแกะ คิดว่านอกจากไทยกับลาวที่เหมือนกันแล้ว ไทยกับฟิลิปปินส์นี่แหละเหมือนจนแยกไม่ออก ทั้งหน้าตา ผม ผิวพรรณ

 

 

          

  

พักผ่อนสบายๆถึงเที่ยงอีกวัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับ รอบนี้ใช้บริการรถและเรือของโรงแรม ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรือของโรงแรมแล่นไปส่งที่ท่าเรือส่วนตัวของโรงแรมแล้วต่อรถแค่ 5 นาทีถึงสนามบิน งงมากๆเพราะตอนขาไปนั่งซะยาว

เลยรู้ว่ารีเจนซี โบราไกย์ลงทุนซื้อที่ดินส่วนตัวเป็นทั้งที่จอดเรือติดกับสนามบินเลย นั่งมาคนเดียวเลย วีไอพีมากๆ เพิ่งจะเห็นเป็นเรือลำแรกที่ไม่มีขาบังก้า คนขับบอกว่าเป็นเรือดี ไม่ใช่เรือแบบชาวบ้านอิอิ

 

ไปถึงสนามบินเร็วเลยรอซะหลายชั่วโมง แต่ก็จบทริปอันน่าประทับใจจนกว่าจะพบกันใหม่ในการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ

ติดตามการเดินทางทั่วไทยทั่วโลก ของนักข่าวสาวที่อยู่ในแวดวงข่าวท่องเที่ยวกว่า 30 ปีได้ที่ -Facebook/Travelista โทร 081-8172805 อีเมล์ airrecruit2000@yahoo.com

tags: ท่องเที่ยวต่างประเทศ, จำนวนผู้ชม : 1513

© www.bloggertravelista.com 2018